ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอินเดียเกือบ 1 พันล้านคนเตรียมตบเท้าเข้าคูหาเลือกตั้งในวันศุกร์นี้ (19 เม.ย.) เพื่อเลือกรัฐบาลชุดต่อไป รวมถึงตัดสินว่านายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย จะสามารถคว้าชัยในการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 ได้หรือไม่
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การเลือกตั้งทั่วไปของอินเดีย ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19 เม.ย. ถึง 1 มิ.ย. นับเป็นการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยแบ่งการลงคะแนนออกเป็น 7 รอบ และจะประกาศผลในวันที่ 4 มิ.ย.
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอินเดียจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้ครองที่นั่ง "โลกสภา" หรือสภาผู้แทนราษฎรของอินเดีย ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยสภาผู้แทนราษฎรมีบทบาทและอำนาจมากกว่าวุฒิสภา
รายงานระบุว่า พรรคหรือแนวร่วมใดที่ชนะเสียงข้างมากจะเป็นผู้นำการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าพรรคภารตียชนตา (BJP) ซึ่งเป็นพรรคลัทธิชาตินิยมฮินดูของนายโมดี จะคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายอีกครั้งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น
ภายใต้การปกครองของนายโมดี เศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบัน อินเดียก้าวขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 5 ของโลก โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงแตะ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าที่จะเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายในปี 2570
อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกถึง 1.4 พันล้านคน มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก โดย GDP โต 7.2% ในปีงบประมาณ 2565-2566 ซึ่งสูงเป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศ G20
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอินเดียจะเติบโต 6.8% ในปี 2567 และ 6.5% ในปี 2568 เทียบกับเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะเติบโต 4.6% ในปี 2567 และ 4.1% ในปี 2568
นอกจากนี้ มูลค่าตลาดหุ้นอินเดียยังแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธ.ค. 2566 ส่งผลให้อินเดียผงาดขึ้นเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่านายโมดีจะชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของอินเดียต่อไป