สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ โดยมุ่งเป้าไปที่การผลิตอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน หลังปฏิบัติการโจมตีอิสราเอล และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า ผู้นำกลุ่ม G7 ให้คำมั่นที่จะดำเนินมาตรการร่วมกันเพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน
ปธน.ไบเดนระบุว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรได้ช่วยอิสราเอลตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรและการควบคุมการส่งออกครั้งใหม่กับอิหร่าน
"มาตรการคว่ำบาตรมุ่งเป้าไปที่ผู้นำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม, กระทรวงกลาโหมของอิหร่าน ตลอดจนโครงการขีปนาวุธและโดรนของรัฐบาลอิหร่านที่ทำให้เกิดการโจมตีอย่างไร้ยางอาย" ปธน.ไบเดนระบุในแถลงการณ์
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของสหรัฐ
นายเดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษกล่าวประณามพฤติกรรมของอิหร่านว่า "เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้"
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐมุ่งเป้าไปที่บุคคล 16 รายและหน่วยงาน 2 แห่งที่ทำให้อิหร่านสามารถผลิตโดรนได้ รวมถึงโดรนชาเฮด (Shahed) ของอิหร่านที่นำมาใช้ในการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อิหร่านระบุว่า ทำการโจมตีเพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลถล่มสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรียเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายรวมถึงนายพลของอิหร่าน 2 คน