ขณะที่อินเดียกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการลงคะแนนเสียงระยะที่สองสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปนั้น ปัญหาการว่างงานกำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยนายราหุล คานธี ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวหาว่า นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียและพรรคภารตียชนตา (BJP) ว่า ทำให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางของการว่างงาน
เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และสถาบันพัฒนามนุษย์ (IHD) ได้เผยแพร่รายงานว่าด้วยการจ้างงานของอินเดียปี 2567 โดยระบุว่า อัตราการว่างงานนั้นสูงอย่างมากในกลุ่มเยาวชนของอินเดีย โดยบุคคลที่มีอายุ 15-29 ปี คิดเป็น 83% ของผู้ว่างงานทั้งหมดในประเทศ
"นายโมดีทำให้อัตราการว่างงานในประเทศย่ำแย่ลง บรรดาผู้จ้างงานต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก อันเนื่องมาจากนโยบายยกเลิกการใช้ธนบัตร ตลอดจนการเก็บภาษีสินค้าและบริการ" นายคานธีกล่าวปราศรัยในรัฐพิหารทางภาคตะวันออกของอินเดีย
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นายโมดีได้ประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรมูลค่า 500 และ 1,000 รูปี หรือยกเลิกการใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายเมื่อปี 2559 ในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยแรก โดยการตัดสินใจดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเป็นวงกว้าง
นโยบายยกเลิกใช้ธนบัตร (Demonetization) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อสู้กับเงินนอกกฎหมาย หรือกองทุนที่ได้รับจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและหลีกเลี่ยงการเก็บภาษี ได้ถูกนายมันโมหัน สิงห์ อดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการจัดการที่ผิดพลาดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวไม่ได้ขัดขวางนายโมดีจากการคว้าชัยในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในปี 2562
อรุณ กุมาร นักเศรษฐศาสตร์และอดีตศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยชวาฮาร์ ลาล เนห์รูในกรุงนิวเดลีกล่าวว่า ภาคส่วนที่อยู่นอกระบบของประเทศยังคงไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของนโยบายยกเลิกธนบัตร พร้อมระบุเสริมว่า นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อัตราการว่างงานในประเทศสูงขึ้น