นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กำลัง "ผลักดัน" ให้มีการแบนติ๊กต๊อก (TikTok) และจะเป็น "ตัวการ" หากมีการแบน โดยเรียกร้องให้โหวตเตอร์ให้ใส่ใจในเรื่องนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายร่วมกันสองพรรคด้วยคะแนนเสียง 360-58 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 เม.ย.) ซึ่งจะให้บริษัทไบต์แดนซ์จากจีน มีเวลาประมาณ 9 เดือนในการขายกิจการติ๊กต๊อกในสหรัฐ ไม่เช่นนั้นติ๊กต๊อกจะถูกแบน
ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังวุฒิสภาแล้ว หากผ่านการพิจารณา ปธน.ไบเดนกล่าวว่าเขาจะลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ด้านนายทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์ม "ทรูธ โซเชียล" (Truth Social) ของเขาเองเมื่อวานนี้ว่า ปธน.ไบเดนจะเป็น "ตัวการในการแบนติ๊กต๊อก เขาเป็นคนที่ผลักดันให้ปิดตัวลง และทำเพื่อช่วยเหลือเพื่อนฝูงที่เฟซบุ๊ก (Facebook) ให้รวยขึ้น ครองตลาดมากขึ้น"
จากนั้น นายทรัมป์ก็เรียกร้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของฐานผู้ใช้ติ๊กต๊อก พิจารณาท่าทีของปธน.ไบเดนในวันเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม สมัยที่นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีในปี 2563 นายทรัมป์เองก็พยายามแบนติ๊กต๊อกและวีแชท (WeChat) ของจีนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ แต่ถูกศาลขัดขวางไว้
ติ๊กต๊อก ซึ่งกล่าวว่าไม่เคยและจะไม่แชร์ข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐกับรัฐบาลจีนนั้น โต้แย้งว่าการแบนจะเป็นการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกภายใต้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 1 สำหรับผู้ใช้แอป 170 ล้านคนในประเทศ
ด้านติ๊กต๊อกแจ้งพนักงานเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในอีเมลที่ทางรอยเตอร์เห็นว่า ทันทีที่ปธน.ไบเดนลงนามเป็นกฎหมาย "เราจะย้ายไปที่ศาลเพื่อคัดค้านทางกฎหมาย เราจะสู้ต่อไป เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้เป็นการละเมิดบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 1 อย่างชัดเจน"
ขณะเดียวกัน โฆษกทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวานนี้ว่า "เราไม่ต้องการแบนแอปอย่างติ๊กต๊อก สิ่งที่เราต้องการ และสิ่งที่กฎหมายที่เราสนับสนุนจะดำเนินการ คือการทำให้มั่นใจว่าติ๊กต๊อกจะเป็นของบริษัทอเมริกัน เพื่อที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของเราและของลูกหลานของเรา จะอยู่ที่นี่แทนที่ไปอยู่ที่จีน และเพื่อที่ความเข้าใจและมุมมองของชาวอเมริกันจะไม่ถูกชักจูงโดยอัลกอริทึมที่อาจถูกควบคุมโดยจีน"
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายทรัมป์โต้แย้งว่า การจำกัดติ๊กต๊อกจะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับเฟซบุ๊กของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียที่นายทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่บัญชีของนายทรัมป์ถูกแบนหลังเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 โดยบัญชีของนายทรัมป์เพิ่งได้รับคืนสถานะเมื่อปีที่แล้ว
อนึ่ง ภายใต้กฎหมายดังกล่าว เมื่อถึงกำหนดเส้นตายการขายกิจการติ๊กต๊อกแล้ว แอปสโตร์ที่ดำเนินการโดยแอปเปิ้ล (Apple), กูเกิล (Google) และอื่น ๆ จะไม่สามารถนำเสนอติ๊กต๊อกหรือให้บริการโฮสต์เว็บแก่แอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยไบต์แดนซ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ทีมแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งของปธน.ไบเดนเข้าร่วมเป็นผู้ใช้ติ๊กต๊อก ขณะที่ทีมแคมเปญของทรัมป์ยังไม่ได้เข้าร่วม