แหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวคือผลลัพธ์ของการทบทวนภาษีศุลกากรมาตรา 301 (Section 301) ของสหรัฐที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกภายใต้การบริหารของปธน.ทรัมป์ในปี 2561 โดยภาษีศุลกากรชุดใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบตเตอรี่ และโซลาร์เซลล์ อย่างไรก็ตาม ภาษีที่จัดเก็บอยู่แล้วในปัจจุบันจะยังคงอยู่ในระดับเดิมเป็นส่วนใหญ่ โดยภาษีใหม่ดังกล่าวมีกำหนดการจะประกาศต่อสาธารณชนในวันอังคารหน้า (14 พ.ค.)
แม้สหรัฐอาจเลื่อนประกาศการตัดสินใจออกไป แต่ก็ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ใหญ่ที่สุดของปธน.ไบเดนในการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับจีน ที่ต่อยอดมาจากการเรียกร้องให้ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมจีนของเขา และดำเนินการตรวจสอบครั้งใหม่อย่างเป็นทางการในอุตสาหกรรมการต่อเรือของจีน
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่าลง ขณะที่ดัชนี CSI 300 ของหุ้นจีนร่วงลงมากถึง 0.6% ในการซื้อขายช่วงเช้าก่อนที่จะลดช่วงลบประมาณครึ่งหนึ่งในเวลาต่อมา ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนและกระทรวงพาณิชย์จีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวในช่วงเช้าวันนี้ (10 พ.ค.)
นายซินเหยา อึ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของอเบอร์ดีน (Abrdn) กล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้บรรดานักลงทุนระงับการซื้อหุ้นที่มีโอกาสได้รับผลกระทบเป็นการชั่วคราวอย่างแน่นอน" และกล่าวเสริมว่า แบรนด์เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย อาทิ บริษัทคอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี (Contemporary Amperex Technology Co. Ltd.) ได้ลดการทำธุรกิจกับสหรัฐเรียบร้อยแล้ว