ทางการสหรัฐออกโรงเตือนอิสราเอลว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดสุญญากาศทางอำนาจทั่วฉนวนกาซา และเรียกร้องให้ผู้นำอิสราเอลให้ความสำคัญต่อการวางแผนเรื่องดินแดนปาเลสไตน์หลังสงครามมากยิ่งขึ้น
"เราไม่สามารถปล่อยให้มีอนาธิปไตยและสุญญากาศที่อาจเต็มไปด้วยความวุ่นวายได้" นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันพุธ (15 พ.ค.) ระหว่างเดินทางไปยังกรุงเคียฟของยูเครน
แถลงการณ์ดังข่าวมีขึ้นขณะที่กองทัพอิสราเอลกำลังสู้รบในพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งรวมถึงค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ซึ่งอยู่ใกล้กับกาซาซิตี้ แม้อิสราเอลเคยกำจัดกลุ่มนักรบฮามาสชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่เมื่อหลายเดือนก่อนก็ตาม แต่กลุ่มฮามาสก็สามารถกลับมารวมตัวอีกครั้งได้
ด้วยเหตุนี้จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงแผนการของอิสราเอลในการเร่งถอนทหารออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว หลังจากที่กลุ่มฮามาสพ่ายแพ้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปัญหาส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลมาจากอิสราเอลขาดกำลังคนในการยึดครองและบริหารจัดการพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา โดยในช่วงเริ่มต้นของความขัดแย้ง อิสราเอลสามารถระดมพลกำลังสำรองสูงถึง 350,000 นาย แม้จะมีจำนวนประชากรไม่ถึง 10 ล้านคน ซึ่งสร้างความตึงเครียดให้กับเศรษฐกิจของประเทศ แต่กำลังพลสำรองส่วนใหญ่ปลดประจำการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาหรือต้นปี 2567 ส่งผลให้ปัจจุบันมีทหารประจำการประมาณ 150,000 นาย
"คุณต้องคอยกวาดล้างและควบคุม" พล.อ.เดวิด เพเทรอัส อดีตผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในอิรักและอัฟกานิสถาน กล่าวระหว่างการประชุมเศรษฐกิจกาตาร์ (Qatar Economic Forum) "ถ้าคุณไม่ป้องกันการก่อตัวขึ้นของศัตรูและไม่ป้องกันไม่ให้ศัตรูกลับเข้ามาอยู่ร่วมกับประชาชน ก็จะเกิดปัญหาขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณจะต้องกำจัดแล้วกำจัดอีก"
ทั้งนี้ พล.อ.เพเทรอัสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ประสบการณ์ของสหรัฐในการทำสงครามในเขตเมืองในอิรักแสดงให้เห็นว่า คุณต้องป้องกันให้ศัตรูอยู่ห่างจากผู้คน โดยให้ความช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็ว และรักษาความปลอดภัยแม้หลังจากการสู้รบสิ้นสุดลงแล้ว