นายไล่ ชิงเต๋อ ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ได้พาบรรดาผู้นำจากประเทศพันธมิตรทางการทูตไปตกกุ้งในวันนี้ (19 พ.ค.) ซึ่งเป็นกิจกรรมสันทนาการยอดนิยมในไต้หวัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่นายไล่ วัย 64 ปี จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันในวันจันทร์นี้ (20 พ.ค.) ซึ่งคาดว่านายไล่จะกล่าวสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งโดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาสถานะเดิมในความสัมพันธ์ของไต้หวันกับจีนเอาไว้
"เราจะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับชาติและรักษาสถานะเดิมในช่องแคบไต้หวัน" นายไล่กล่าวที่บ่อตกกุ้งในเชิงเขาไทเป
"และไต้หวันไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว เราได้ทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ ในต่างประเทศอย่างพวกคุณทุกคนที่ยึดมั่นในค่านิยมประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน" นายไล่กล่าวเสริมเป็นภาษาอังกฤษ
ในงานตกกุ้งครั้งนี้ นายไล่นั่งข้าง ๆ สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี ผู้เป็นหนึ่งในกษัตริย์ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์พระองค์สุดท้ายในโลกนี้ของแอฟริกา ซึ่งประเทศของพระองค์ถูกสั่นคลอนด้วยการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างรุนแรงในปี 2564
นอกจากนี้ ในงานยังมีแขกคนสำคัญอีกรายคือนายซานเตียโก เปญญา ประธานาธิบดีปารากวัย ซึ่งนายไล่ได้แสดงความสนิทสนมด้วยการกอดเมื่อนายเปญญาเดินทางมาถึง
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่นายไล่ชนะการเลือกตั้งในเดือนม.ค. ไต้หวันต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากจีน รวมถึงกิจกรรมแสดงแสนยานุภาพทางอากาศและทางทะเลของกองทัพจีนใกล้กับเกาะไต้หวันอย่างสม่ำเสมอ
จีนมองว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนเอง แม้รัฐบาลไต้หวันจะคัดค้านมุมมองดังกล่าวอย่างรุนแรงก็ตาม นอกจากนี้ จีนยังไม่เคยประกาศละทิ้งการใช้กำลังเพื่อนำเกาะไต้หวันมาอยู่ภายใต้การควบคุมของตนอีกด้วย
ปัจจุบันมีเพียง 12 ประเทศเท่านั้นที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนกว่าไต้หวัน เช่น ปารากวัย, เอสวาตินี, ปาเลา และเซนต์ลูเซีย โดยจีนพยายามกดดันประเทศพันธมิตรของไต้หวันให้เปลี่ยนไปรับรองจีนแทน เช่น นาอูรูที่ประกาศตัดสัมพันธ์กับไต้หวันแล้วเปลี่ยนมาสานสัมพันธ์กับจีนเมื่อวันที่ 15 ม.ค. หลังนายไล่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันได้เพียง 2 วัน
แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดกับจีน แต่ในวันสาบานตนรับตำแหน่งของนายไล่ ก็จะมีอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนส่งมา และฝ่ายนิติบัญญัติจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงสหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, เยอรมนี และแคนาดา เข้าร่วมด้วย
นอกจากความท้าทายจากต่างประเทศแล้ว ความท้าทายภายในไต้หวันของนายไล่ก็ใหญ่หลวงเช่นกัน เนื่องจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของนายไล่สูญเสียเสียงข้างมากในสภาในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
เมื่อวันศุกร์ (17 พ.ค.) สมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวันโต้เถียงกันอย่างดุเดือดถึงขั้นกรีดร้องและต่อยกันในประเด็นการปฏิรูปรัฐสภาที่ฝ่ายค้านผลักดัน และคาดว่าอาจมีการต่อสู้กันเพิ่มเติมในวันอังคารนี้ (21 พ.ค.) เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติกลับมาหารือกันอีกครั้ง