นายทอม แอนดรูว์ ผู้รายงานพิเศษด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมาขององค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยในรายงานวันนี้ (26 มิ.ย.) ว่า ความพยายามของนานาชาติในการกีดกันรัฐบาลทหารเมียนมาดูเหมือนจะสามารถขัดขวางการซื้อยุทโธปกรณ์ทางการทหารจากต่างชาติได้ อย่างไรก็ตาม กองทัพยังคงสามารถเข้าถึงเงินทุนและอาวุธในการสู้รบกับกองกำลังต่อต้านการรัฐประหาร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมียนมาเผชิญกับความวุ่นวายนับตั้งแต่การรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2564 ซึ่งจุดชนวนให้ชาติตะวันตกดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อกองทัพ ธนาคาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
การประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจที่กินเวลานานกว่า 3 ปี ได้ลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ โดยกองทัพเมียนมาถูกกล่าวหาว่า ทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่กลุ่มติดอาวุธและแนวร่วมพลเรือน ในขณะที่กองทัพสูญเสียการควบคุมพื้นที่หลายแห่ง
รายงานฉบับดังกล่าวพบว่า มูลค่าของอาวุธ เทคโนโลยีที่ใช้ได้ 2 ทาง (dual-use technologies) อุปกรณ์การผลิต และวัสดุอื่นๆ ที่นำเข้าโดยรัฐบาลทหารแตะ 253 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2567 ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขของปีก่อนหน้าถึง 1 ใน 3 เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากสิงคโปร์พยายามสกัดกั้นไม่ให้บริษัทต่าง ๆ ส่งมอบความช่วยเหลือแก่รัฐบาลทหารเมียนมา
ทั้งนี้ นายแอนดรูว์ระบุว่า มันแสดงให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรและความพยายามของนานาชาติสามารถส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการเติมคลังแสง รวมถึงลดขีดความสามารถในการเปิดฉากโจมตีเช่น การโจมตีทางอากาศ ซึ่งคร่าชีวิตพลเรือนในหมู่บ้านต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก