ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (28 มิ.ย.) ว่า เขาตั้งใจที่จะเอาชนะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้ พร้อมส่งสัญญาณจะไม่ถอนตัวจากการแข่งขัน แม้ทำให้สมาชิกพรรคเดโมแครตผิดหวังจากผลงานที่ย่ำแย่ในการดีเบต
"ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่ใช่คนหนุ่ม" ปธน.ไบเดนวัย 81 ปี กล่าวระหว่างการปราศรัยหาเสียงเพียง 1 วัน หลังจากประชันวิสัยทัศน์รอบแรกกับนายทรัมป์ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการพ่ายแพ้ครั้งสำคัญสำหรับปธน.ไบเดน
"ผมไม่ได้เดินคล่องแคล่วเหมือนที่เคย พูดไม่คล่องเหมือนที่เคย และดีเบตได้ไม่ดีเหมือนที่เคยด้วย" ปธน.ไบเดนกล่าว "แต่ผมคงไม่มาลงสมัครอีก หากไม่เชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่าผมจะสามารถทำงานนี้ได้ เพราะเดิมพันครั้งนี้สูงมาก"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อาการพูดตะกุกตะกักและการตอบคำถามที่ไม่ตรงประเด็นในบางครั้งระหว่างการดีเบตยิ่งทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งแสดงความกังวลว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยใหม่ รวมถึงยังทำให้สมาชิกพรรคเดโมแครตบางรายพิจารณาอยากเปลี่ยนตัวผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
อย่างไรก็ดี นายไมเคิล ไทเลอร์ โฆษกทีมรณรงค์หาเสียงของปธน.ไบเดนเผยว่า ยังไม่มีการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ดังกล่าว "เราขอมีคืนที่เลวร้ายเพียงหนึ่งคืน ยังดีกว่าการมีผู้สมัครที่มีวิสัยทัศน์แย่มาเป็นผู้นำประเทศ"
ทั้งนี้ ผลการสำรวจของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น พบว่า ชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์การแสดงวิสัยทัศน์จำนวน 67% ให้นายทรัมป์เป็นฝ่ายชนะการแสดงวิสัยทัศน์ ขณะมีเพียง 33% ที่ให้ปธน.ไบเดน เป็นผู้ชนะ
เมื่อเทียบกับก่อนการดีเบต ชาวอเมริกันจำนวน 55% คาดว่านายทรัมป์จะเป็นฝ่ายชนะ และ 45% คาดว่าปธน.ไบเดนจะเป็นผู้ชนะ