ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหน้าคูหาเลือกตั้งหรือเอ็กซิตโพล (Exit Poll) ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 ก.ค.) บ่งชี้ว่า พรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Party) หรือ SNP อาจได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 โดยคาดว่าจะได้เพียง 10 ที่นั่งเท่านั้น ขณะที่พรรคแรงงาน (Labour Party) มีแนวโน้มจะกลับมาครองพื้นที่ฐานเสียงดั้งเดิมของตนได้อีกครั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พรรค SNP จากที่เคยมีที่นั่งในรัฐสภาถึง 43 ที่นั่ง ตอนนี้กลับต้องเจอกับปัญหารุมเร้า ทั้งการลาออกของหัวหน้าพรรคถึงสองคนในเวลาแค่ปีเศษ การถูกตำรวจสอบสวนเรื่องการเงินของพรรค และความแตกแยกภายในในนโยบายหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการผลักดันให้มีการลงประชามติครั้งที่ 2 เพื่อแยกตัวสกอตแลนด์เป็นเอกราช
นางนิโคล่า สเตอร์เจียน อดีตหัวหน้าพรรค SNP กล่าวว่า ผลเอ็กซิตโพลที่ออกมานั้นเป็น "ข่าวร้ายกว่าที่คาดไว้" สำหรับพรรคของเธอ แต่เธอก็เชื่อว่าผลสำรวจน่าจะมีความแม่นยำในระดับหนึ่ง
นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา พรรค SNP ครองที่นั่งของสกอตแลนด์ในสภาฯ อังกฤษมาโดยตลอด โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มคนที่ต้องการให้สกอตแลนด์แยกตัวเป็นเอกราช แม้ผลการลงประชามติในปี 2557 จะออกมาว่าชาวสกอตส่วนใหญ่ (55%) โหวตให้สกอตแลนด์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรต่อไปก็ตาม
แม้ประชามติปี 2557 จะไม่เป็นไปตามที่ผู้สนับสนุนเอกราชต้องการ แต่ก็เป็นตัวจุดประกายให้คนกลุ่มนี้ร่วมใจกันสนับสนุนพรรค SNP จนทำให้พรรคได้คะแนนเสียงจำนวนมากในปี 2558, 2560 และ 2562 ผงาดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 3 ในสภาเวสต์มินสเตอร์ แม้จะส่งผู้สมัครลงแข่งไม่ถึง 10% ของที่นั่งทั้งหมดก็ตาม
สำหรับภาพรวม เอ็กซิตโพลคาดการณ์ว่า พรรคแรงงานจะชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยกวาดที่นั่งในสภาฯ ไปได้ถึง 410 จากทั้งหมด 650 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจนว่า พรรคแรงงานจะได้ที่นั่งในสกอตแลนด์มากน้อยเพียงใดจากทั้งหมด 57 ที่นั่ง หลังจากที่เคยได้เพียง 1 ที่นั่งเท่านั้นในการเลือกตั้งปี 2562
หากผลเอ็กซิตโพลเป็นจริง พรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) และพรรคปฏิรูป (Reform Party) ฝ่ายขวา จะก้าวขึ้นมาแซงหน้าพรรค SNP ในแง่ของจำนวนที่นั่งในสภาเวสต์มินสเตอร์ โดยโพลคาดว่าพรรคเสรีประชาธิปไตยจะได้ 61 ที่นั่ง และพรรคปฏิรูปได้ 13 ที่นั่ง