"ทรัมป์" คาด "ไบเดน" ไม่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งปธน.สหรัฐ เพราะอีโก้สูง

ข่าวต่างประเทศ Tuesday July 9, 2024 13:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้สมัครชิงตำแหน่งปธน.จากพรรครีพับลิกัน แสดงความเห็นว่า นายโจ ไบเดน ปธน.คนปัจจุบัน จะยังคงลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งปธน.ต่อไป แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากภายในพรรคเดโมแครตให้ปธน.ไบเดนหลีกทางให้กับผู้ท้าชิงที่อายุน้อยกว่านี้ก็ตาม

นายทรัมป์ วัย 78 ปี กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 ก.ค.) ว่า ปธน.ไบเดน วัย 81 ปี จะไม่ยอมถอนตัวจากการเลือกตั้งอย่างแน่นอนเพราะเป็นคนมีอีโก้สูง อีกทั้งปธน.ไบเดนยังกุมความได้เปรียบในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตอยู่แล้ว เนื่องจากกวาดคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งรอบไพรมารีของพรรคไปได้อย่างท่วมท้นเมื่อต้นปี

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางด้านปธน.ไบเดนเองก็ได้ออกมายืนยันหลายครั้งแล้วว่าจะลงแข่งขันเลือกตั้งต่อไป

"ที่น่าสนใจคือเขามีอำนาจมาก เพราะเขามีคะแนนเสียงของผู้แทนอยู่ในมือ ตราบใดที่เขายังไม่เอ่ยปากว่า ?ผมจะออก? พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากจะใช้วิธีตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25" นายทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับนายฌอน แฮนนิตี พิธีกรรายการโทรทัศน์ทางช่องฟ็อกซ์นิวส์

ทั้งนี้ บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เปิดทางให้รองปธน.และคณะรัฐมนตรีสามารถประกาศว่าปธน.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยรองปธน.จะทำหน้าที่รักษาการปธน.แทน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งชี้ว่า รองปธน.คามาลา แฮร์ริส หรือแกนนำพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ จะเลือกใช้วิธีนี้

"เขาเป็นคนอีโก้สูง และเขาคงไม่อยากยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก ผมว่าลึก ๆ แล้วเขายังอยากสู้ต่อ" นายทรัมป์กล่าวถึงคู่แข่งคนสำคัญที่เคยเอาชนะเขาในการเลือกตั้งปี 2563

การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ของนายทรัมป์เกิดขึ้นท่ามกลางความโกลาหลภายในพรรคเดโมแครต หลังจากที่ปธน.ไบเดนทำผลงานได้ย่ำแย่ในการโต้วาทีกับนายทรัมป์เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. จนทำให้เกิดกระแสเรียกร้องจากภายในพรรคให้ปธน.ไบเดนถอนตัวจากการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้กลับขัดแย้งกับคำพูดของเขาในคลิปก่อนหน้านี้ ที่นายทรัมป์ได้พูดคุยเป็นกันเองกับกลุ่มผู้สนับสนุนที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งของเขาว่า เขาเป็นคนไล่ปธน.ไบเดนให้ต้องออกจากศึกเลือกตั้ง

"ไอ้หมอนั่นถอนตัวจากการแข่งขันแล้ว ... ฝีมือผมเอง" นายทรัมป์กล่าวในคลิปที่ที่เผยแพร่โดยเว็บไซต์เดลีบีสต์ (Daily Beast) เมื่อวันที่ 3 ก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ