ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ แถลงจากทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) โดยขอให้ชาวอเมริกันลดความร้อนแรงทางการเมืองลง และขอให้ระลึกไว้ว่าทุกคนล้วนเป็นเพื่อนบ้านกัน หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บ
ไบเดนกล่าวในคำปราศรัยสั้น ๆ ไม่ถึง 7 นาทีว่า เหตุการณ์ลอบยิงที่เกิดขึ้นกับทรัมป์ "เป็นสัญญาณเตือนให้เราทุกคนถอยกันคนละก้าว" และกล่าวว่าโชคดีที่ทรัมป์ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
"เราปล่อยให้ความรุนแรงแบบนี้กลายเป็นเรื่องปกติไม่ได้ วาทกรรมทางการเมืองในประเทศนี้มันร้อนแรงเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องใจเย็นลงกันแล้ว ... นี่คือความรับผิดชอบของพวกเราทุกคน" ไบเดนกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ไบเดนเลือกใช้ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเพื่อพูดถึงประเด็นสำคัญ ๆ ของประเทศ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2564
ไบเดนปรากฏตัวครั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายังมีอำนาจในฐานะผู้นำประเทศอยู่ ซึ่งเป็นภาพเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญ ในขณะที่ไบเดนกำลังเผชิญหน้ากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในพรรคเดโมแครตบางส่วน ที่ต้องการให้ผู้นำวัย 81 ปีรายนี้ถอนตัวจากการแข่งขัน เนื่องจากกังวลว่าสติปัญญาของไบเดนอาจมีความเฉียบแหลมไม่เพียงพอสำหรับการดำรงตำแหน่งต่ออีก 4 ปี
เมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ไบเดนเคยกล่าวสุนทรพจน์หลังจากบรรลุข้อตกลงกับพรรครีพับลิกันเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตเพดานหนี้ของสหรัฐ และต่อมาในเดือนต.ค. ไบเดนก็ได้กล่าวสุนทรพจน์ช่วงไพรม์ไทม์เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งในฉนวนกาซาและยูเครน
ทั้งนี้ เหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนเกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติในสหรัฐ แต่ความรุนแรงทางการเมืองนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยในอดีต มีปธน.สหรัฐถึง 4 คนที่ถูกลอบสังหาร และอีกหลายคนรอดพ้นจากการลอบสังหาร ขณะที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหลายคนก็ถูกยิง บางรายเสียชีวิต
ขณะนี้ไบเดนและทีมงานกำลังพยายามวางแผนทิศทางการหาเสียงใหม่หลังจากเกิดเหตุการณ์ทรัมป์ถูกยิง จากเดิมที่เคยเน้นว่าทรัมป์เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยของอเมริกาหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย.นี้ โดยภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์ลอบยิงเมื่อวันเสาร์ (13 ก.ค.) ทีมหาเสียงของไบเดนก็รีบถอนโฆษณาทางทีวีและระงับการสื่อสารทางการเมืองอื่น ๆ ที่เป็นการกล่าวโจมตีทรัมป์ แล้วหันไปมุ่งเน้นเรื่องอนาคตแทน
"ค่ำคืนนี้ ผมขอให้ชาวอเมริกันทุกคนร่วมกันให้คำมั่นอีกครั้ง ? เราจะไม่มีที่ยืนให้กับความเกลียดชัง" ไบเดนกล่าว