รายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอทช์ (HRW) เปิดเผยในวันนี้ (16 ก.ค.) ว่า เด็กมากกว่า 60 คนในเอลซัลวาดอร์ถูกคุมขังโดยพลการ ถูกทำร้ายร่างกาย และถูกทรมาน นับตั้งแต่ที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อกว่า 2 ปีก่อนเพื่อปราบปรามแก๊งอาชญากรรม
HRW ระบุว่า ตำรวจและทหารเอลซัลวาดอร์ได้ควบคุมตัวเด็กและเยาวชนจำนวน 3,319 คน ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 จนถึงเดือนเม.ย. 2567 หรือตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและระงับสิทธิพลเมืองบางประการ จนถึงช่วงเริ่มต้นของการพิจารณาคดีเป็นจำนวนมาก
"เด็กหลายคนที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับกิจกรรมที่เป็นอันตรายของแก๊ง ในระหว่างถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ได้ทำทารุณกรรมอย่างรุนแรงต่อเด็ก ๆ ซึ่งในบางกรณีเข้าข่ายการทรมาน" รายงานระบุ
ด้านรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นจากสำนักข่าวรอยเตอร์ แต่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าไม่มีการทรมานเกิดขึ้นในเรือนจำ
รายงานซึ่งรวบรวมจากการสัมภาษณ์มากกว่า 90 ราย กล่าวว่าเด็กที่ถูกคุมขังไม่ได้รับอาหาร ไม่ได้รับการดูแลสุขภาพ และไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวอย่างเพียงพอ และ "ในหลายกรณี" ถูกบังคับให้รับสารภาพเท็จ
"ทางการแทบจะไม่มีมาตรการใด ๆ ในการปกป้องเด็กจากความรุนแรงจากผู้ต้องขังรายอื่น รวมถึงการถูกทำร้ายร่างกายและการล่วงละเมิดทางเพศ" HRW กล่าว
HRW ได้บันทึกกรณีที่เด็กและเยาวชนถูกควบคุมตัวโดยพลการ ถูกทรมาน และถูกตำรวจคุกคามจำนวน 66 กรณี พร้อมเตือนว่า การจับกุมดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอกและฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม มากกว่าจะเป็นเพราะมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้เยาว์กว่า 1,000 คน ถูกตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลาสูงสุด 12 ปี ในข้อหาความผิดที่กำหนดไว้กว้าง ๆ ในการพิจารณาคดีที่มีหลักฐานน่าสงสัยและขาดกระบวนการทางกฎหมายที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ มีประชาชนกว่า 80,500 คนถูกจับกุมภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวสามารถลดจำนวนคดีฆาตกรรมลงได้อย่างมาก ทำให้เอลซัลวาดอร์กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในทวีปอเมริกา และทำให้ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มสิทธิมนุษยชนในท้องถิ่น คริสโตซัล (Cristosal) กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 265 รายในระหว่างที่ถูกรัฐบาลคุมขัง ในจำนวนนี้รวมถึงทารก 4 ราย