กระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยเมื่อวันพุธ (17 ก.ค.) ว่า จีนได้ระงับการเจรจาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐ เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐขายอาวุธให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นดินแดนของตนเอง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ว่า การตัดสินใจของจีนแสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญต่อความพยายามควบคุมอาวุธทั่วโลก โดยจีนดำเนินการสอดคล้องกับรัสเซียในการปฏิเสธที่จะหารือกับสหรัฐเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
นายหลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยว่า การที่สหรัฐยังขายอาวุธให้ไต้หวันอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาบ่อนทำลายบรรยากาศทางการเมืองในการหารือด้านการควบคุมอาวุธ
"ด้วยเหตุนี้ จีนจึงตัดสินใจระงับการหารือกับสหรัฐ ในการพูดคุยรอบใหม่เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ความรับผิดชอบทั้งหมดตกอยู่กับสหรัฐ" นายหลินแถลงต่อสื่อมวลชน
อย่างไรก็ดี นายหลินเสริมว่า จีนยินดีที่จะสื่อสารเรื่องการควบคุมอาวุธระหว่างประเทศ แต่สหรัฐต้องเคารพผลประโยชน์หลักของจีน และสร้างสภาพแวดล้อมที่จำเป็นสำหรับการเจรจาและการแลกเปลี่ยน
ด้านนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า จีนเลือกที่จะทำตามรัสเซีย ด้วยการอ้างเหตุผลว่าการหารือเรื่องการควบคุมอาวุธไม่สามารถเดินหน้าได้ หากความสัมพันธ์ทวิภาคียังเผชิญความท้าทายอื่น
ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ สนับสนุนแนวทางนโยบายที่แยกประเด็นออกจากกัน (compartmentalization) กล่าวคือ การเจรจาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์จะถูกแยกออกจากประเด็นอื่นที่เป็นข้อถกเถียงระหว่างจีนและสหรัฐ