นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กดดันให้นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เร่งผลักดันให้การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาเกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพลเมืองชาวปาเลสไตน์ โดยการกดดันดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านางแฮร์ริสมีท่าทีที่แข็งกร้าวมากว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน
"ถึงเวลาแล้วที่สงครามครั้งนี้จะต้องยุติลง และฉันบอกกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเช่นกันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องบรรลุข้อตกลงหยุดยิง" นางแฮร์ริสกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์หลังจากพบปะกับนายเนทันยาฮูที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) พร้อมกับเสริมว่า "ฉันพูดอย่างชัดเจนว่าฉันมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในฉนวนกาซา"
นางแฮร์ริสกล่าวว่า เธอได้กดดันให้นายเนทันยาฮูยอมรับข้อตกลงหยุดยิง พร้อมกับเตือนเขาเกี่ยวกับจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในฉนวนกาซา
"ประชาชนกว่า 2 ล้านคนกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงด้านอาหารในระดับที่สูงมาก และยังมีประชาชนกว่าครึ่งล้านคนที่เผชิญกับหายนะของการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานี้ถือเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจอย่างมาก ... เราไม่สามารถที่จะเบือนหน้าออกจากโศกนาฏกรรมเหล่านี้ได้ และเราไม่สามารถที่จะปล่อยให้ตัวเราเองรู้สึกชินชากับความทุกข์ยากเหล่านี้ด้วยเช่นกัน และฉันจะไม่ยอมนิ่งเฉยอย่างแน่นอน" นางแฮร์ริสกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางแฮร์ริสรับรู้ถึงแรงตึงเครียดด้านการเมืองในสหรัฐเกี่ยวกับสงครามในกาซา โดยเธอกล่าวว่า "ถึงทุกท่านที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิง และถึงทุกท่านที่เรียกร้องสันติภาพ ฉันเห็นพวกท่านและฉันได้ยินพวกท่าน เรามาช่วยกันผลักดันให้ข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นเถิด"
นายเนทันยาฮูได้เดินทางเยือนสหรัฐและขึ้นแถลงต่อสภาคองเกรสสหรัฐ โดยเรียกร้องสหรัฐให้รีบส่งอาวุธสนับสนุนอิสราเอลในการสู้รบกับกลุ่มฮามาส
ในระหว่างการแถลงต่อสภาคองเกรส นายเนทันยาฮูไม่ได้แสดงความขอโทษต่อสงครามของอิสราเอล พร้อมระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงที่ต่อต้านถ้อยแถลงของเขากำลัง "ยืนเคียงข้างความชั่วร้าย" โดยเขาโบ้ยว่าการต่อสู้กับกลุ่มฮามาสของอิสราเอลเป็นการต่อสู้กับอิหร่าน ซึ่งคอยหนุนหลังให้กับกลุ่มฮามาสและจ้องจะทำลายสหรัฐด้วยเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า การเดินทางเยือนสหรัฐของนายเนทันยาฮู ซึ่งเดิมทีแล้วตั้งใจจะมาดึงดูดความสนใจในช่วงที่กระแสการเมืองระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตซาลงกว่านี้ ถูกบดบังโดยข่าวความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐ โดยนายเนทันยาฮูขึ้นกล่าวต่อสภาคองเกรสในช่วงไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.โจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้งและสนับสนุนให้รองปธน.คามาลา แฮร์ริส มาแทนที่เขา และหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุนลอบสังหารระหว่างการหาเสียง
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนก็เดินขบวนอยู่ด้านนอกเพื่อประท้วงการมาเยือนของเขา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สเปรย์พริกไทยเพื่อขับไล่ฝูงชน ซึ่งวิดีโอฟุตเทจที่โพสต์บน X เผยให้เห็นภาพผู้ประท้วงดึงธงชาติสหรัฐลงจากเสาธงแล้วจุดไฟเผา