ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา ออกแถลงการณ์ร่วมในวันนี้ (26 ก.ค.) เรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซาโดยทันที พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลตอบสนองต่อคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งได้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์และการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
"อิสราเอลต้องรับฟังความกังวลของประชาคมระหว่างประเทศ" แถลงการณ์จากผู้นำทั้งสามประเทศ ระบุ
"การปกป้องพลเรือนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและเป็นข้อบังคับตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เราไม่สามารถปล่อยให้พลเรือนปาเลสไตน์ต้องตกเป็นเหยื่อในการกำจัดกลุ่มฮามาส สถานการณ์นี้ต้องยุติลง"
ผู้นำทั้งสามประเทศยังระบุด้วยว่า อิสราเอลจำเป็นต้องดำเนินการกับกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานหัวรุนแรงที่ก่อความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ ยกเลิกแผนการตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์ และร่วมมือกันเพื่อหาทางออกแบบสองรัฐ
นอกจากนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวยังเรียกร้องให้อิสราเอล "ตอบสนองอย่างจริงจัง" ต่อคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ออกคำตัดสินที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ โดยระบุว่า การที่อิสราเอลยึดครองดินแดนปาเลสไตน์และตั้งถิ่นฐานในดินแดนดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และควรถอนกำลังออกโดยเร็วที่สุด
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลปฏิเสธความเห็นของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่า "ผิดพลาดอย่างร้ายแรง" และลำเอียง พร้อมย้ำจุดยืนว่า การแก้ปัญหาทางการเมืองในภูมิภาคนี้สามารถบรรลุได้ผ่านการเจรจาเท่านั้น
แถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ซึ่งเป็นฉบับที่สองนับตั้งแต่เดือนก.พ. ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ พร้อมทั้งระบุว่าความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามขยายวงกว้างในภูมิภาคนี้ทำให้การหยุดยิงในฉนวนกาซามีความจำเป็นเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กดดันให้นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เร่งผลักดันให้การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาเกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพลเมืองชาวปาเลสไตน์ โดยการกดดันดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านางแฮร์ริสมีท่าทีที่แข็งกร้าวมากกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน