"ผู้สูงอายุไม่ควรต้องจ่ายภาษีเงินประกันสังคม และพวกเขาจะไม่ต้องจ่าย" นายทรัมป์กล่าวในระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่เมืองแฮร์ริสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การให้คำมั่นสัญญาที่จะยกเลิกภาษีเงินประกันสังคมสำหรับชาวอเมริกันสูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สำคัญนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นายทรัมป์พยายามปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การหาเสียงให้มุ่งเน้นไปที่นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ แทนประธานาธิบดีโจ ไบเดนซึ่งได้ถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยนายทรัมป์พยายามหากลยุทธ์การส่งสารที่มีประสิทธิภาพในการพุ่งเป้าไปที่นางแฮร์ริส ด้วยการโจมตีในรูปแบบของการเหยียดเชื้อชาติและเพศ รวมถึงการแสดงความคิดเห็นต่อต้านชาวยิว
นายทรัมป์ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โจมตีเรื่องส่วนตัวของนางแฮร์ริสด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับการยอมรับอัตลักษณ์ความเป็นคนผิวสีของเธอนั้น ได้หันมาใช้วิธีการโจมตีในประเด็นเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่านางแฮร์ริส "ทำลายระบบประกันสังคมของเราอย่างสิ้นเชิง" และยังวิจารณ์นางแฮร์ริสว่าอ่อนหัดในประเด็นผู้อพยพและการสนับสนุนความพยายามที่จะตัดงบประมาณตำรวจ
ทั้งนี้ การยกเลิกภาษีเงินประกันสังคมสำหรับผู้เกษียณอายุนั้นมีแนวโน้มที่จะทำให้นายทรัมป์เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ โดยข้อมูลจากคณะกรรมการงบประมาณของสหรัฐระบุว่า การยกเลิกภาษีเหล่านั้นจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ไปจนถึงปี 2578
ข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคมสหรัฐบ่งชี้ว่า ประมาณ 40% ของผู้เกษียณอายุต้องเสียภาษีสำหรับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากประกันสังคม โดยขึ้นอยู่กับระดับรายได้ สถานภาพสมรส และแหล่งรายได้อื่น ๆ โดยการเก็บภาษีจากสิทธิประโยชน์ที่ผู้เกษียณอายุได้รับจากประกันสังคมนั้น เป็นกฎหมายที่ลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนในปี 2526