ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันอาทิตย์ (4 ส.ค.) ว่า สหรัฐอเมริกากำลังส่งกองกำลังเพิ่มเติมไปประจำการในตะวันออกกลาง โดยเป็นมาตรการป้องกันเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาค
ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ที่กรุงเตหะรานของอิหร่าน เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) ซึ่งเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่อิสราเอลสังหารนายฟูอัด ชุคร์ ผู้บัญชาการของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ โดยทั้งสองกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสในกาซา ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว อาจบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งทั่วตะวันออกกลาง โดยอิหร่านและกลุ่มฮามาสกล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้สังหารนายฮานิเยห์ และทั้งอิหร่าน ฮามาส รวมถึงฮิซบอลเลาะห์ ต่างประกาศว่าจะล้างแค้น ขณะที่อิสราเอลไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะเรียกประชุมคณะทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง พร้อมกับเสริมว่าปธน.ไบเดนจะหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์แห่งจอร์แดนด้วย
แอ็กซีออส (Axios) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวของสหรัฐ รายงานว่า นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้กล่าวกับรมว.ต่างประเทศของกลุ่ม G7 ว่า อิหร่านและฮิซบอลเลาะห์อาจเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวสามแหล่ง แต่ยังระบุชัดเจนไม่ได้ว่าอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์จะโจมตีอย่างไรและเมื่อใด
ทั้งนี้ เมื่อมีการถามถึงรายงานดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้อ้างอิงสรุปการประชุมดังกล่าว โดยระบุว่า เหล่ารัฐมนตรีได้หารือถึง "ความจำเป็นเร่งด่วนในการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง"