โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวเมื่อวันจันทร์ (5 ส.ค.) ว่า สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ บอกกับอิหร่านผ่านช่องทางการทูตว่า การเพิ่มความขัดแย้งในตะวันออกกลางไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใด ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเรียกว่าเป็น "ช่วงเวลาสำคัญ" ของภูมิภาค
นายบลิงเกนกล่าวว่า ทางการสหรัฐกำลังดำเนินการทางการทูตที่เข้มข้น และแทบจะตลอดเวลา เพื่อช่วยลดความตึงเครียดท่ามกลางความวิตกกังวลว่า อิหร่านกำลังเตรียมการโจมตีตอบโต้อิสราเอล
นายบลิงเกนกล่าวในพิธีลงนามกับคู่เจรจาจากออสเตรเลียที่กรุงวอชิงตันว่า "ทุกฝ่ายต้องไม่ทำให้สถานการณ์บานปลาย ทุกฝ่ายต้องมีส่วนในการคลี่คลายความตึงเครียด ความบานปลายของสถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น มีแต่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้น รุนแรงขึ้น และไม่มั่นคงมากขึ้น"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ แกนนำกลุ่มฮามาสถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เกิดคำขู่ที่จะแก้แค้นอิสราเอล และสร้างความวิตกกังวลมากขึ้นว่า ความขัดแย้งในฉนวนกาซาอาจบานปลายจนกลายเป็นสงครามตะวันออกกลาง
อิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลและประกาศจะลงโทษอย่างสาสม ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลไม่ได้ออกมายอมรับว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารดังกล่าว โดยอิหร่านเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มฮามาสซึ่งกำลังสู้รบกับอิสราเอลในกาซา และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนซึ่งนายฟูอัด ชุคร์ ผู้บัญชาการของกลุ่มได้ถูกสังหารจากการโจมตีของอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นเดียวกัน
ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐและรองปธน.คามาลา แฮร์ริส ได้รับแจ้งจากทีมงานด้านความมั่นคงของชาติเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงคำขู่จากอิหร่านและพันธมิตรของอิหร่านที่จะโจมตีอิสราเอลและเจ้าหน้าที่สหรัฐ
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนและนางคามาลายังได้รับรายงานเกี่ยวกับการโจมตีฐานทัพอากาศอัลอัสซาดในอิรักเมื่อวันจันทร์ และได้หารือถึงการตอบโต้ของสหรัฐด้วย