นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนลบวอตส์แอปป์ (WhatsApp) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความของเมตา ออกจากโทรศัพท์ โดยกล่าวหาว่าแอปดังกล่าวถูกกลุ่มฟาสซิสต์ใช้เพื่อเผยแพร่ความรุนแรง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในระหว่างการปราศรัยท่ามกลางสายฝน นายมาดูโรเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนลบวอตส์แอปป์โดยสมัครใจ พร้อมแนะให้หันไปใช้เทเลแกรม (Telegram) และวีแชต (WeChat) แทน
นายมาดูโร กล่าวว่า "พวกเขาใช้วอตส์แอปป์คุกคามครอบครัวทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น ชุมชน และทุกคนที่ประกาศตนไม่สนับสนุนลัทธิฟาสซิสต์" นอกจากนี้ นายมาดูโรยังเคยกล่าวว่า ติ๊กต๊อก (TikTok) และอินสตาแกรม (Instagram) ถูกใช้เพื่อส่งเสริมความเกลียดชัง และให้คำมั่นว่าจะควบคุมการใช้งานของแอปเหล่านี้ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า การวิจารณ์แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของนายมาดูโรเกิดขึ้น หลังจากที่รัฐบาลของเขาดำเนินการปราบปรามในวงกว้างต่อใครก็ตามที่ต่อต้านผลการเลือกตั้งที่ประกาศให้นายมาดูโรเป็นผู้คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ขณะเดียวกัน นายมาดูโรยังเรียกนางมารีอา โกรินา มาชาโด แกนนำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา รวมถึงนายเอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครจากฝ่ายค้านว่าเป็น "ฟาสซิสต์" โดยกล่าวหาว่าพวกเขายุยงให้เกิดการประท้วง
ทั้งนี้ การเรียกร้องของนายมาดูโรให้ลบวอตส์แอปป์เป็นการเปลี่ยนท่าทีที่เร็วมาก หลังจากที่เพิ่งใช้โซเชียลมีเดียเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 ก.ค. โดยข้อความสุดท้ายที่นายมาดูโรแชร์ผ่านทางวอตส์แอปป์เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ระบุว่า "ผู้คนออกมารวมตัวกันบนถนนเพื่อต่อต้านความรุนแรงและลัทธิฟาสซิสต์ ... พระเจ้าสถิตกับเรา ... สันติภาพจะมีชัย"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของเวเนซุเอลา ประกาศผลให้นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2556 คว้าชัยในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียง 51%
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาระบุว่า ผลนับคะแนนราว 90% ชี้ว่า นายเอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครของฝ่ายค้าน กวาดคะแนนทิ้งห่างปธน.มาดูโรเกือบ 2 เท่า สอดคล้องกับผลโพลอิสระที่จัดทำขึ้นก่อนการเลือกตั้ง