สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เทศมณฑลแนสซอของรัฐนิวยอร์กอนุมัติกฎหมายห้ามสวมหน้ากากเพื่อปกปิดตัวตนสำหรับผู้ประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ และต่อต้านการสนับสนุนของสหรัฐต่ออิสราเอลในการทำสงครามในฉนวนกาซา
การสั่งห้ามสวมหน้ากากนี้จะครอบคลุมการประท้วงในที่สาธารณะทุกประเภท แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติในเทศมณฑลแนสซอที่พรรครีพับลิกันควบคุมนั้นกล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงและการต่อต้านชาวยิวสามารถปกปิดตัวตนและหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้สนับสนุนด้านสิทธิพลเมืองมองว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิในการแสดงความคิดเห็น
ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติเมื่อวันจันทร์ (5 ส.ค.) โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันในเทศมณฑลทั้ง 12 ราย ลงคะแนนเสียงเห็นชอบ ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครต 7 คนงดออกเสียง
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดให้การสวมผ้าคลุมใบหน้าเพื่อปกปิดตัวตนในที่สาธารณะถือเป็นความผิดทางอาญา โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับ 1,000 ดอลลาร์ ยกเว้นมีเหตุผลด้านสุขภาพหรือทางการแพทย์ และวัตถุประสงค์ทางศาสนาและวัฒนธรรม
นายบรูซ เบลคแมน ผู้บริหารเทศมณฑลแนสซอสังกัดพรรครีพับลิกันระบุว่า "เว้นแต่บุคคลนั้นจะมีอาการป่วยหรือมีความจำเป็นทางศาสนา ประชาชนไม่ควรได้รับอนุญาตให้ปิดบังใบหน้าในลักษณะที่ปกปิดตัวตนเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ"
รายงานระบุว่า เกิดเหตุประท้วงต่อต้านสงครามในฉนวนกาซามายาวนานหลายเดือนทั่วสหรัฐ รวมทั้งในรัฐนิวยอร์ก โดยกระทรวงสาธารณสุขกาซาเปิดเผยว่า สงครามได้ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วเกือบ 40,000 ราย ตลอดจนก่อให้เกิดวิกฤตความหิวโหย และประชากรเกือบ 2.3 ล้านคนต้องพลัดถิ่น อีกทั้งยังนำไปสู่ข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่อิสราเอลปฏิเสธอีกด้วย
ทั้งนี้ สงครามในฉนวนกาซาเปิดฉากขึ้นหลังกลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกโจมตีตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และอีกราว 250 คนถูกจับเป็นตัวประกัน