นายชิน วอนซิก รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เกาหลีใต้อาจต้องแตกแยกกับสหรัฐและสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดการเงินหากเกาหลีใต้เริ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แม้มีกระแสเรียกร้องภายในประเทศให้เกาหลีใต้พัฒนาคลังอาวุธนิวเคลียร์เป็นของตนเองเพื่อยับยั้งเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีเหนือกำลังขยายศักยภาพด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้และสมาชิกของพรรคอนุรักษ์นิยมของประธานาธิบดียุน ซอกยอล ก็เริ่มเรียกร้องให้มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศกันมากขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าวยิ่งดุเดือดมากขึ้น หากอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ครองตำแหน่งอีกครั้ง โดยเขาเคยแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการประจำการกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ และเปิดการเจรจาที่ไม่เคยมีมาก่อนกับเกาหลีเหนือมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายชินยังยืนยันว่า การมีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสถานะทางการทูตและเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจะเทียบเท่าได้กับเหตุการณ์วันจันทร์ทมิฬ (Black Monday) ในสัปดาห์นี้ที่ตลาดหุ้นดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551
นายชินกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า "จะเกิดรอยร้าวใหญ่ในความสัมพันธ์กับสหรัฐ และหากเราถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เราก็จะเผชิญกับบทลงโทษหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่แรงสั่นสะเทือนในตลาดการเงิน"
ทั้งนี้ นายชินยอมรับว่า การอภิปรายในหมู่นักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการเงินเป็นสัญญาณว่า ชาวเกาหลีใต้หลายคนยังคงกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของสหรัฐ ตลอดจนศักยภาพทางทหารของสหรัฐ โดยเฉพาะกองกำลังนิวเคลียร์ แต่ความพยายามของพันธมิตรทั้งสองชาติในการยกระดับการสกัดกั้นนั้นเป็นวิธี "ที่ง่ายที่สุด ได้ผลมากที่สุด และสันติที่สุด" ในการต่อต้านภัยคุกคามจากทางเหนือ