นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ลงพื้นที่หาเสียงสุดสัปดาห์นี้ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็นรัฐสมรภูมิสำคัญรัฐหนึ่งของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.นี้
นายทรัมป์มีกำหนดปราศรัยในวันเสาร์ (17 ส.ค.) ที่เมืองวิลค์ส-แบร์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเพนซิลเวเนีย ขณะที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริสจะเริ่มต้นการรณรงค์หาเสียงแบบบัสทัวร์ในทางตะวันตกของรัฐ โดยเริ่มต้นที่เมืองพิตส์เบิร์กในวันอาทิตย์ (18 ส.ค.) ก่อนการประชุมใหญ่แห่งชาติของพรรคเดโมแครตในวันจันทร์ (19 ส.ค.) ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐเพนซิลเวเนียเป็นหนึ่งในสามของเขตรัสต์ เบลต์ (Rust Belt) หรือรัฐอุตสาหกรรมเก่า ร่วมกับรัฐวิสคอนซิน และรัฐมิชิแกน ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้นายทรัมป์ชนะศึกเลือกตั้งปี 2559 แต่พรรคเดโมแครตภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเติบโตในเมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย สามารถพลิกกลับมาเอาชนะในรัฐเหล่านี้ได้เมื่อศึกเลือกตั้งปี 2563
รายงานระบุว่า เนื่องจากรัฐเพนซิลเวเนียมีคณะผู้แทนเลือกตั้งทั้งหมด 19 เสียง เมื่อเทียบกับรัฐมิชิแกนที่ 15 เสียงและรัฐวิสคอนซินที่ 10 เสียง จึงอาจเป็นสมรภูมิที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งปีนี้ โดยผู้ที่จะได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐจะต้องได้คะแนนเสียงจากคณะผู้แทนเลือกตั้งอย่างน้อย 270 เสียง
นอกจากนี้ แบบจำลองทางสถิติที่พัฒนาขึ้นโดยนายเนท ซิลเวอร์ นักพยากรณ์การเลือกตั้ง ประเมินว่ารัฐเพนซิลเวเนียมีแนวโน้มมากกว่ารัฐอื่น ๆ ถึง 2 เท่าในการเป็นรัฐชี้ขาด หรือรัฐที่คะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่งผลให้นางแฮร์ริสหรือนายทรัมป์คว้าชัยได้
ทั้งนี้ การลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนางแฮร์ริส หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัว ช่วยพลิกสถานการณ์ของพรรคเดโมแครตและฟื้นคะแนนที่หายไป อันเนื่องมาจากผลงานดีเบตที่ย่ำแย่ของปธน.ไบเดน โดยผลสำรวจของเว็บไซต์ FiveThirtyEightบ่งชี้ว่า นางแฮร์ริสมีคะแนนนำนายทรัมป์ 2% ในรัฐเพนซิลเวเนีย