โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงจากประเทศที่ปฏิเสธรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่านโยบายการย้ายถิ่นฐานและการค้าของเขาอาจมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด หากเขาคว้าชัยเลือกตั้ง
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) ที่รัฐแอริโซนาว่า "ประเทศต้นทางจะรับพวกเขากลับไป และหากพวกเขาไม่ยอมรับกลับ เราจะไม่ทำการค้ากับประเทศเหล่านั้นและจะเรียกเก็บภาษีจำนวนมาก"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การย้ายถิ่นฐานยังคงเป็นรากฐานสำคัญของนโยบายการเลือกตั้งใหม่ของทรัมป์ โดยเขาให้คำมั่นว่าจะสร้างกำแพงตามแนวชายแดนให้เสร็จสมบูรณ์ และจะดำเนินการส่งผู้อพยพกลับประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
ผลสำรวจหลายสำนักบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนการจำกัดจำนวนผู้อพยพ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังหวังเรียกเก็บภาษีจำนวนมากจากทั้งฝ่ายตรงข้ามและพันธมิตร ทั้งยังเสนอแนะว่าเขาต้องการเก็บภาษีนำเข้าเหล่านี้เพื่อให้มีรายได้มากพอที่จะลดภาษีเงินได้ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล และอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภค
รายงานระบุว่า ทรัมป์เดินทางเยือนชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมกล่าวโจมตีคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ในเรื่องประสิทธิภาพการจัดการกับการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
รายงานข่าวระบุว่า การเดินทางเยือนรัฐแอริโซนาเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของทรัมป์ในการทวงคืนรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นรัฐที่เขาพ่ายแพ้อย่างหวุดหวิด เพราะคะแนนเสียงต่างกันเพียง 10,000 เสียงในการเลือกตั้งปี 2563
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนรัฐแอริโซนาของทรัมป์ในครั้งนี้ตรงกับวันที่แฮร์ริสขึ้นกล่าวปราศรัยที่การประชุมใหญ่แห่งชาติของพรรคเดโมแครต (DNC) ในชิคาโก โดยมีเป้าหมายเพื่อแย่งความสนใจไม่ให้ไปกระจุกอยู่แต่กับแฮร์ริส