ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน และคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต ฟาดฝีปากกันในวันจันทร์ (26 ส.ค.) เกี่ยวกับการประชันวิสัยทัศน์ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 10 ก.ย. นี้ เนื่องจากทีมของแฮร์ริสต้องการให้เปิดไมโครโฟนไว้ตลอดเวลาการดีเบต ขณะที่อดีตปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะถอนตัว โดยอ้างว่าการเปิดไมค์ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ พร้อมกล่าวหาเครือข่ายสถานีโทรทัศน์เอบีซี (ABC) ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชันวิสัยทัศน์ในเดือนหน้าว่าลำเอียง
ทรัมป์ระบุผ่านโซเชียลมีเดียในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (25 ส.ค.) ว่า "ทำไมผมต้องดีเบตกับคามาลา แฮร์ริสที่สถานีนั้นด้วย" ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า "รอติดตามก็แล้วกัน!!"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไบรอัน ฟอลลอน โฆษกของแฮร์ริส กล่าวในวันจันทร์ว่า ทีมหาเสียงของแฮร์ริสต้องการให้ทางสถานีเปิดไมโครโฟนของแคนดิเดตเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ปิดเสียงเมื่อคู่แข่งพูดเหมือนการดีเบตครั้งก่อน หรือที่เรียกว่า "hot mics" ซึ่งเป็นดาบสองคมสำหรับแคนดิเดตทั้งสองฝ่าย เนื่องจากอาจทำให้ผู้ชมการดีเบตได้ยินความคิดเห็นบางอย่างที่ผู้สมัครไม่ได้เตรียมมาก่อนหรือไม่ตั้งใจให้ได้ยิน
"รองปธน.พร้อมจัดการกับคำโกหกซ้ำซากและการขัดจังหวะของทรัมป์ในเวลานั้นเลย ทรัมป์ควรหยุดแอบอยู่หลังปุ่มปิดเสียงได้แล้ว" ฟอลลอนกล่าว
ด้านเจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของคณะหาเสียงของอดีตปธน.ทรัมป์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า พวกเขาตกลงรับเงื่อนไขเดียวกันกับการดีเบตของซีเอ็นเอ็น (CNN) เมื่อเดือนมิ.ย. ซึ่งไมโครโฟนถูกปิดเสียง และเสริมว่า "เราบอกว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาที่ตกลงกันไว้"
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เปิดเผยกับนักข่าวในเวลาต่อมาว่า เขาชอบให้ไมโครโฟนของเขาเปิดไว้มากกว่า โดยเสริมว่า เขาไม่ชอบที่ไมโครโฟนปิดเสียงแบบการดีเบตครั้งก่อน และไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนักในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งคนใหม่ของเขา
ทรัมป์กล่าวว่า "มันไม่สำคัญสำหรับผมเท่าไร ผมคงอยากเปิดไมโครโฟนไว้มากกว่า แต่ข้อตกลงคือไมโครโฟนจะเหมือนกับครั้งที่แล้ว" ก่อนจะกล่าวต่อว่า "ผมไม่ได้ใช้มันมากนัก ผมคิดว่าผมเตรียมตัวมาตลอดชีวิตสำหรับการดีเบต"