"แฮร์ริส" ลั่น เดินหน้าคุมเข้มผู้อพยพ-หนุนส่งอาวุธให้อิสราเอล

ข่าวต่างประเทศ Friday August 30, 2024 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คามาลา แฮร์ริส ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) เป็นครั้งแรกหลังได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยประกาศเดินหน้าแก้ปัญหาผู้อพยพบริเวณชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ อย่างเข้มงวด พร้อมยืนยันจะไม่ระงับการส่งอาวุธให้กับอิสราเอล

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การให้สัมภาษณ์กับ เดนา แบช ผู้ประกาศข่าวซีเอ็นเอ็นครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามของแฮร์ริสที่จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ และต้องการให้ชาวอเมริกันได้รับทราบนโยบายของเธออย่างชัดเจนก่อนวันเลือกตั้ง 5 พ.ย.นี้

แฮร์ริสระบุว่า เธอจะผลักดันกฎหมายควบคุมชายแดนฉบับใหม่ที่จะคุมเข้มการเข้าเมืองและ "บังคับใช้กฎหมาย" กับผู้ที่ลักลอบข้ามพรมแดนอย่างเคร่งครัด

"เรามีกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้ ซึ่งครอบคลุมและจัดการกับคนที่ลักลอบข้ามพรมแดนของเราอย่างผิดกฎหมาย และต้องมีบทลงโทษ" แฮร์ริสกล่าว

นอกจากนี้ เธอยังแสดงจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขันเช่นเดียวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และปฏิเสธข้อเรียกร้องจากบางส่วนในพรรคเดโมแครต ที่ต้องการให้วอชิงตันทบทวนการส่งอาวุธให้กับอิสราเอล

แฮร์ริสกล่าวว่า เธอสนับสนุนอิสราเอลให้มีความเข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกัน "เราต้องบรรลุข้อตกลง" เพื่อให้เกิดการหยุดยิงในฉนวนกาซา

เมื่อถูกถามว่าเธอจะระงับการส่งอาวุธให้กับอิสราเอลหรือไม่ แฮร์ริสตอบว่า "ไม่ค่ะ แต่เราต้องบรรลุข้อตกลง (หยุดยิงและปล่อยตัวประกัน) ให้ได้"

นอกจากนี้ แฮร์ริสยังปกป้องแนวทางการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อของตนเองกับไบเดน โดยกล่าวว่าทั้งคู่ต้องรับช่วงต่อเศรษฐกิจที่เสียหายจากโควิด-19 ซึ่งเธอระบุว่าทรัมป์บริหารจัดการผิดพลาด พร้อมกับกล่าวว่ามีการดำเนินการอย่างมากเพื่อลดราคาสินค้า แต่ "ราคายังคงสูงเกินไป"

ปัจจุบัน แฮร์ริสได้ปรับจุดยืนทางการเมืองในบางประเด็นให้เป็นแนวสายกลางมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2563 เช่น การเลิกแบนการขุดเจาะน้ำมันแบบแฟรกกิ้ง (Fracking) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างงานให้ชาวเพนซิลเวเนียเป็นจำนวนมาก และเพนซิลเวเนียก็เป็นหนึ่งในรัฐที่พรรคการเมืองมีคะแนนสนับสนุนสูสีกัน (Swing State) ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการชี้ขาดผลเลือกตั้ง

แฮร์ริส พร้อมด้วยทิม วอลซ์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองปธน.คู่กับเธอ ยังได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะแต่งตั้งสมาชิกพรรครีพับลิกันเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า เธอต้องการความหลากหลายทางความคิด

"ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะมีคนที่มีมุมมองและประสบการณ์ต่างกันมาร่วมวงสนทนาเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ และดิฉันคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวอเมริกัน หากมีสมาชิกคณะรัฐมนตรีจากพรรครีพับลิกัน" แฮร์ริสกล่าว

แฮร์ริสไม่สนใจคำพูดของทรัมป์ที่ตั้งคำถามว่าเธอเป็นชาวอเมริกันผิวดำหรือไม่ "แผนเดิม ๆ น่าเบื่อแล้วค่ะ" เธอกล่าว "ขอคำถามต่อไปค่ะ"

ทั้งนี้ การที่แฮร์ริสไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม และความกังวลจากผู้สนับสนุนบางส่วนว่า เธออาจจะไม่เฉียบคมในสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า เท่ากับตอนขึ้นเวทีปราศรัยหรือกล่าวสุนทรพจน์ที่เธอสามารถใช้สคริปต์ที่เตรียมไว้และเครื่องเทเลพรอมพ์เตอร์ได้

เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ส.ค.) แฮร์ริสเดินทางหาเสียงที่เมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจีย และกล่าวกับผู้สนับสนุนกว่า 7,500 คนว่า "เรามีงานหนักรออยู่ข้างหน้า" ในการเอาชนะทรัมป์ นอกจากนี้ เธอยังแสดงความมั่นใจว่าชาวจอร์เจียจะลงคะแนนให้เดโมแครตอีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ