สื่อของทางการเมียนมารายงานในวันนี้ (2 ก.ย.) ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาจะดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรและครัวเรือนทั่วประเทศในเดือนต.ค. เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งในปีหน้าตามที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ท่ามกลางการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่ยังคุกรุ่น
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ (1 ก.ย.) ว่า ข้อมูลสำมะโนประชากรที่รวบรวมระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค. จะถูกนำมาใช้จัดการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า
"การสำรวจสำมะโนประชากรนี้สามารถนำมาใช้เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อความสำเร็จในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคที่เสรีและยุติธรรม" มิน ออง หล่าย กล่าวปราศรัยที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แผนการเลือกตั้งดังกล่าวถูกประณามอย่างกว้างขวางว่าเป็นการหลอกลวง และผลการเลือกตั้งไม่น่าจะได้รับการยอมรับจากชาติตะวันตกส่วนใหญ่ เนื่องจากพรรคการเมืองหลายสิบพรรคถูกยุบเพราะไม่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้ง รวมถึงพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ทรงอิทธิพล แต่ถูกกองทัพโค่นอำนาจไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมียนมาเผชิญวิกฤตทางการเมืองนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 เมื่อกองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของอองซาน ซูจี ผู้นำพรรค NLD โดยอ้างเหตุผลเรื่องโกงการเลือกตั้ง หลังพรรคคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย
บรรดานักการเมืองจากพรรค NLD รวมถึงซูจี ถูกจับกุม ในขณะที่ผู้หลบหนีกล่าวว่า ข้อกล่าวหาฉ้อโกงของรัฐบาลทหารเกี่ยวกับรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นไม่มีมูลความจริง และถูกกุขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร
ทั้งนี้ การรัฐประหารจุดชนวนให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวาง แต่ก็เผชิญกับการปราบปรามที่รุนแรงจากรัฐบาลทหาร จนทำให้การประท้วงทวีความรุนแรงกลายเป็นขบวนการต่อต้านที่มีการใช้อาวุธ โดยนับแต่นั้นเป็นต้นมา ขบวนการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รวมเข้ากับกองกำลังชาติพันธุ์หลายกลุ่ม และกลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับกองทัพเมียนมาในรอบหลายทศวรรษ