คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการที่นิปปอน สตีล คอร์ป (Nippon Steel Corp) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น วางแผนที่จะเข้าซื้อกิจการยูไนเต็ด สเตตส์ สตีล คอร์ป (United States Steel Corp) หรือยูเอส สตีล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กของสหรัฐฯ
แฮร์ริส ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการรณรงค์หาเสียงในวันแรงงานที่เมืองพิตต์สเบิร์กเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ว่า ยูเอส สตีล ควรยังคงเป็นเจ้าของและดำเนินการโดยพลเมืองสหรัฐฯ
ทั้งนี้ แฮร์ริส ซึ่งคาดหวังว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนใช้แรงงาน ได้ลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งในเมืองพิตต์สเบิร์กร่วมกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งประกาศถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง โดยแฮร์ริสให้คำมั่นว่าจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการผลิตของประเทศต่อไป และระบุว่ายูเอส สตีล เป็น "บริษัทแห่งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ"
"การรักษาบริษัทเหล็กของอเมริกันให้ยังคงแข็งแกร่งต่อไปได้นั้นถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศของเรา ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับประธานาธิบดีไบเดน และดิฉันจะสนับสนุนคนงานผลิตเหล็กของอเมริกาและคนงานทั้งหมดของอเมริกาต่อไป" แฮร์ริสกล่าว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยูเอส สตีล ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2444 มีสำนักงานใหญ่อยู่ในในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐอุตสาหกรรมและเป็นรัฐสมรภูมิที่สำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย.นี้
นิปปอน สตีล และยูเอส สตีล ได้ประกาศข้อตกลงการซื้อกิจการมูลค่า 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 2566 โดยยูเอส สตีลและกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทได้สนับสนุนการเทกโอเวอร์กิจการ โดยมองว่าจะทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันระดับโลกมากขึ้น และจะนำไปสู่การสร้างบริษัทผลิตเหล็กที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเมื่อพิจารณาในแง่ปริมาณ
อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานยูไนเต็ด สตีลเวิร์กเกอร์ส อินเตอร์เนชันแนล (United Steelworkers International) ได้ออกมาคัดค้านการทำข้อตกลงดังกล่าว ส่งผลให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ละเอียดอ่อน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แผนการซื้อกิจการยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ
การแสดงความเห็นล่าสุดของแฮร์ริสเกี่ยวกับยูเอส สตีลนั้น สอดคล้องกับที่ไบเดนได้กล่าวหลายครั้งในปีนี้ว่า ยูเอส สตีล ควรจะยังคงเป็นเจ้าของโดยชาวอเมริกัน ขณะที่สหภาพแรงงานยูไนเต็ด สตีลเวิร์กเกอร์ส อินเตอร์เนชันแนล ได้ให้การสนับสนุนแฮร์ริสนับตั้งแต่ไบเดนถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี