โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งกำลังเผชิญข้อกล่าวหาทั้งในระดับรัฐบาลกลางและระดับรัฐจากกรณีพยายามล้มผลการเลือกตั้งปี 2563 ที่พ่ายแพ้ให้กับ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ออกมายืนยันเสียงแข็งว่าตนเอง "มีสิทธิ์ทุกอย่าง" ที่จะเข้าไปแทรกแซงผลการเลือกตั้งครั้งนั้น
"ใครเคยได้ยินบ้างว่าโดนฟ้องข้อหาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในเมื่อผมมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะทำแบบนั้น" ทรัมป์กล่าวให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (1 ก.ย.)
คำฟ้องของรัฐบาลกลางกล่าวหาว่า ทรัมป์พยายามฉ้อโกงสหรัฐฯ ด้วยการขัดขวางไม่ให้สภาคองเกรสรับรองชัยชนะของไบเดน และทำให้ผู้ลงคะแนนเสียงเสียสิทธิ์ที่จะได้มีการเลือกตั้งแบบยุติธรรม โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีกในคดีนี้ ฐานพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2563 อย่างผิดกฎหมาย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ได้บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อพยายามขัดขวางไม่ให้สภาคองเกรสรับรองผลการเลือกตั้งปี 2563 หลังจากทรัมป์กล่าวเท็จมาหลายสัปดาห์ว่าตนเองเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเผชิญข้อกล่าวหาในลักษณะเดียวกันนี้ในรัฐจอร์เจียด้วย โดยถูกตั้งข้อหากรรโชก (racketeering) ซึ่งปกติจะเป็นข้อหาที่ใช้กับสมาชิกแก๊งอาชญากรรม โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ของรัฐ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2564 ที่ทรัมป์โทรศัพท์ไปหา แบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจีย เพื่อกดดันให้ "หา" คะแนนเพิ่มให้ทรัมป์พลิกกลับมาชนะ แต่ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ปฏิเสธที่จะทำตาม
ปัจจุบัน ทรัมป์เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งปธน.จากพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ยืนยันว่า ถ้ารองปธน.คามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย.นี้ เขาจะยอมรับผลการเลือกตั้งโดยไม่มีเงื่อนไขหรือไม่
ด้านทีมหาเสียงของแฮร์ริสออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (2 ก.ย.) ระบุว่า การให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ครั้งล่าสุดของทรัมป์ รวมถึงการแสดงความคิดเห็นครั้งก่อน ๆ ของเขา "แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเชื่อว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย"
"ตอนนี้ทรัมป์อ้างว่าเขามี 'สิทธิ์ทุกอย่าง' ที่จะแทรกแซงผลการเลือกตั้งปี 2563 ซึ่งไม่เป็นความจริง" โฆษกทีมหาเสียงของแฮร์ริสระบุในแถลงการณ์