ฝูงชนชาวอินโดนีเซียต่างโบกมือต้อนรับขบวนรถยนต์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอย่างเนืองแน่นในวันนี้ (3 ก.ย.) ขณะเสด็จผ่านกรุงจาการ์ตา เพื่อเริ่มต้นการเยือนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าประเด็นสำคัญในการเสด็จครั้งนี้คือการกระตุ้นให้ทั่วโลกร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พระสันตะปาปาฟรานซิส วัย 87 พรรษา ซึ่งมีกำหนดการเยือนติมอร์ตะวันออก สิงคโปร์ และปาปัวนิวกินีในอีก 10 วันข้างหน้า เสด็จลงจากเครื่องบินเช่าเหมาลำด้วยลิฟต์โดยสารในขณะประทับรถเข็น ณ ท่าอากาศยานจาการ์ตา
เด็กน้อยในชุดพื้นเมืองท้องถิ่น 2 คนถวายช่อดอกไม้ที่ทำจากพืชผลท้องถิ่นแด่พระสันตะปาปา ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศาสนาของอินโดนีเซีย ทูตวาติกันประจำอินโดนีเซีย และคณะบาทหลวง จะเฝ้ารับเสด็จบนพรมแดง ที่ขนาบข้างด้วยแถวกองเกียรติยศ
จากนั้น พระสันตะปาปาเสด็จประทับรถยนต์พร้อมโบกพระหัตถ์แย้มพระสรวล ขบวนรถยนต์เคลื่อนผ่านกรุงจาการ์ตาไปยังสถานทูตวาติกันอันเป็นที่ประทับ ท่ามกลางพสกนิกรที่โบกมือต้อนรับอย่างตื่นเต้น
ด้วยพระชนมายุมากแล้วและการเดินทางอันยาวนานกว่า 13 ชั่วโมงจากกรุงโรม พระสันตะปาปาจึงยังไม่มีกำหนดการเสด็จออกปฏิบัติภารกิจสาธารณะในวันนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากเสด็จถึงสถานทูตวาติกันไม่นาน พระสันตะปาปาได้ทรงพบปะอย่างไม่เป็นทางการกับกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในอินโดนีเซีย
ทางวาติกันไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากนัก แต่ระบุว่าในกลุ่มผู้ลี้ภัยดังกล่าวมีทั้งผู้ที่อพยพมาจากโซมาเลีย ศรีลังกา และชาวโรฮีนจาจากเมียนมา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ข่มเหง
ตลอด 12 วันของการเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พระสันตะปาปาจะทรงเดินทางเป็นระยะทางเกือบ 33,000 กิโลเมตร ก่อนเสด็จกลับถึงกรุงโรมในช่วงค่ำของวันที่ 13 ก.ย.
ในช่วงต้นของการเดินทางจากกรุงโรมมายังกรุงจาการ์ตา พระสันตะปาปาทรงใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อทักทายสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกัน โดยทรงใช้ไม้เท้าพยุงพระองค์ขณะเดินทักทายและจับมือกับเหล่านักข่าว
พระองค์ตรัสถึงการเดินทางในครั้งนี้เพียงสั้น ๆ ว่าจะเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศที่ยาวนานที่สุด
ในฐานะผู้นำชาวคาทอลิกกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลกและประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน โป๊ปฟรานซิสทรงส่งสาส์นทักทายตามธรรมเนียมปฏิบัติไปยังทุกประเทศที่เครื่องบินพระที่นั่งบินผ่านระหว่างทางสู่อินโดนีเซีย เช่น อิหร่าน อินเดีย ปากีสถาน และตุรกี
ในวันพุธนี้ (4 ก.ย.) พระสันตะปาปาจะทรงปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยจะทรงกล่าวสุนทรพจน์ต่อคณะผู้นำทางการเมืองของอินโดนีเซีย และในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) พระองค์จะเสด็จร่วมการประชุมระหว่างศาสนา ณ มัสยิดอิสติกลาล ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่าพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งเป็นผู้ผลักดันข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี 2558 จะทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรับมือกับภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อน
"นี่เป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์" ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนที่พระสันตะปาปาจะเสด็จถึง พร้อมกล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่นในการเยือนครั้งนี้ ซึ่งเดิมทีมีกำหนดการไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากการระบาดของโควิด-19
"อินโดนีเซียและวาติกันมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและภราดรภาพ รวมถึงการสร้างความมั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน" ปธน.วิโดโดกล่าวเสริม