ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่แอฟริกามูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ตลอด 3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 30 โครงการทั่วทวีป และให้คำมั่นว่าจะสร้างงานอย่างน้อย 1 ล้านตำแหน่ง ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือทางการทหาร นับเป็นความพยายามครั้งใหญ่ที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับแอฟริกา ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญในเชิงภูมิรัฐศาสตร์สำหรับจีน
ปธน.สี จิ้นผิง ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์ในการปาฐกถาต่อผู้นำจากกว่า 50 ประเทศในแอฟริกา ระหว่างพิธีเปิดการประชุมสุดยอดความร่วมมือจีน-แอฟริกา (FOCAC) ณ กรุงปักกิ่ง ในวันนี้ (5 ก.ย.)
ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก 33 ประเทศในแอฟริกาที่ถูกระบุว่าเป็นประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาช้าที่สุด ตลอดจนเปิดโอกาสให้แอฟริกาเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น
ขณะเดียวกัน จีนพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการพลังงานสะอาด 30 โครงการในแอฟริกา พร้อมกับสนับสนุนเป้าหมายด้านพลังงานนิวเคลียร์ของแอฟริกา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงานซึ่งเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมในวงกว้างมายาวนาน
นอกจากนี้ จีนยังพร้อมที่จะดำเนินโครงการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน 30 โครงการในแอฟริกา และสร้างเครือข่ายจีน-แอฟริกา ที่ประกอบด้วยการเชื่อมโยงทางบก-ทางทะเล และการพัฒนาที่สอดประสานกัน
"เราพร้อมที่จะช่วยพัฒนาเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา ตลอดจนกระชับความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และการเงิน เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาข้ามภูมิภาคในแอฟริกา" ปธน. สี จิ้นผิง กล่าวเสริม
ยิ่งไปกว่านั้น จีนจะให้การสนับสนุนทางการทหารมูลค่า 1 พันล้านหยวนแก่แอฟริกา เพื่อช่วยฝึกอบรมบุคลากรทางการทหาร 6,000 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1,000 นาย
ก่อนหน้านี้ เชอร์ลี อวี้ ผู้อำนวยการโครงการจีน-แอฟริกา ของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน กล่าวว่า "นี่คือความสำเร็จครั้งสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ซีกโลกใต้ (Global South) อันยิ่งใหญ่ของผู้นำจีน โดยจีนมีสิ่งจูงใจทุกอย่างที่ทำให้สามารถเดินหน้ากระชับสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้"
การประชุมสุดยอดความร่วมมือจีน-แอฟริกา ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ได้เน้นย้ำถึงยุทธศาสตร์ของจีนในการวางตัวเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ ในขณะที่ปธน.สี จิ้นผิง กำลังท้าทายระเบียบโลกที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ
ทั้งนี้ ปธน.สี จิ้นผิง เดินทางเยือนทวีปแอฟริกามาแล้ว 5 ครั้งนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ในขณะที่ปธน.โจ ไบเดน และอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ต่างดูหมิ่นประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา และไม่เคยเดินทางเยือนทวีปแอฟริกาเลยระหว่างดำรงตำแหน่ง