ทีมงานรณรงค์หาเสียงของพรรคเดโมแครตออกแถลงการณ์ระบุว่า พรรคเดโมแครตต้องการให้มีการประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบตอีกครั้งหนึ่งระหว่างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
นอกจากนี้ นางแฮร์ริสก็มีความสนใจที่จะจัดการดีเบตอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน
"ชาวอเมริกันจำเป็นที่จะต้องได้เห็นผู้ที่พวกเขาจะเลือกในคูหาเลือกตั้งในเดือนพ.ย. และต้องเลือกระหว่างการก้าวไปข้างหน้ากับคามาลา แฮร์ริส หรือก้าวถอยหลังไปพร้อมกับทรัมป์ โดยพวกเขาควรจะได้เห็นการดีเบตอีกครั้งในเดือนต.ค. เหมือนกับที่พวกเขาได้เห็นในคืนนี้ ซึ่งท่านรองประธานาธิบดีแฮร์ริสก็พร้อมสำหรับการดีเบตครั้งต่อไป" แถลงการณ์ระบุ
พรรคเดโมแครตสนับสนุนให้มีการดีเบตอีกครั้ง หลังการดีเบตที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ ขณะที่การจัดดีเบตอีกครั้งจะช่วยให้นางแฮร์ริสมีโอกาสมากขึ้นในการแสดงวิสัยทัศน์แก่ชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
อย่างไรก็ดี ทีมงานรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกันยังไม่ได้ตอบตกลงเกี่ยวกับการจัดดีเบตรอบสองระหว่างนายทรัมป์และนางแฮร์ริสแต่อย่างใด
ผลการสำรวจของสำนักข่าว CNN พบว่า นางแฮร์ริสสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายทรัมป์ในการดีเบตที่จัดขึ้นในช่วงเช้านี้ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า นางแฮร์ริสคว้าชัยชนะขาดลอยด้วยคะแนน 63% ต่อ 37% เมื่อเทียบกับคะแนน 50% ต่อ 50% ก่อนการดีเบต
ผลการสำรวจดังกล่าวนับว่าแตกต่างจากศึกดีเบตระหว่างนายทรัมป์และประธานาธิบดีโจ ไบเดนในเดือนมิ.ย. ซึ่งนายทรัมป์คว้าชัยชนะด้วยคะแนน 67% ต่อ 33% ซึ่งส่งผลให้ปธน.ไบเดนต้องถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังศึกดีเบตดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ผู้ถูกสำรวจในครั้งนี้จำนวน 82% ระบุว่า ผลการดีเบตดังกล่าวไม่ได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในการเลือกผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ขณะที่ 14% ระบุว่า ผลการดีเบตครั้งนี้ทำให้พวกเขาต้องทำการพิจารณาใหม่ แต่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ ส่วน 4% ระบุว่า ผลการดีเบตทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ
ทั้งนี้ CNN ได้ทำการสำรวจความเห็นดังกล่าวจากชาวอเมริกันที่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้งจำนวน 605 คนซึ่งได้รับชมการดีเบตในครั้งนี้ โดยคณะกรรมการ SSRS Opinion Panel เป็นผู้คัดเลือกผู้ถูกสำรวจดังกล่าวโดยการสุ่มตัวอย่าง โดยมีค่าความผิดพลาดไม่เกิน +/- 5.3%