แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่งปธน.จากพรรครีพับลิกัน จะออกมาแสดงความพึงพอใจกับผลงานการโต้วาทีของตัวเอง แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ ผู้บริจาค และที่ปรึกษาของพรรคกลับมองว่า เขาทำผลงานได้น่าผิดหวังในการดีเบตกับคามาลา แฮร์ริส รองปธน.จากพรรคเดโมแครต
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในรายการ "Fox & Friends" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (11 ก.ย.) ว่า "ผมคิดว่าการดีเบตครั้งนี้เป็นหนึ่งในครั้งที่ดีที่สุดของผม อาจจะดีที่สุดเลยก็ได้" พร้อมระบุว่าเขายังไม่แน่ใจว่าจะเข้าร่วมการโต้วาทีครั้งต่อไปหรือไม่ "ผมคงไม่อยากร่วมเท่าไหร่ ... เพราะเราทำได้ดีมากในคืนนั้น"
อย่างไรก็ตาม การโต้วาทีปธน.ที่ดุเดือดในวันอังคาร (10 ก.ย.) แฮร์ริส วัย 59 ปี ได้ทำให้ทรัมป์ วัย 78 ปี ต้องตั้งรับกับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง และคดีความมากมายที่เขากำลังเผชิญอยู่ โดยการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้
แม้แต่ ลินด์ซีย์ แกรม วุฒิสมาชิกคนสำคัญของพรรครีพับลิกัน และพันธมิตรคนสนิทของทรัมป์ ยังออกมายอมรับต่อสาธารณะว่า ทรัมป์ทำผลงานในการโต้วาทีได้ไม่ดีนัก
แกรมกล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงผลงานการดีเบตของทรัมป์ว่า "พลาดโอกาสไปแล้ว" โดยระบุเพิ่มเติมว่าอดีตปธน.ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้อยู่กับประเด็นที่ควรจะพูดได้ และพลาดโอกาสที่จะนำเสนอผลงานของตนเอง
คริส คริสตี อดีตพันธมิตรของทรัมป์ที่ผันตัวมาเป็นผู้วิจารณ์ และเคยลงแข่งกับทรัมป์เพื่อชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งปธน.ปี 2567 กล่าวว่า แฮร์ริสเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ต่างจากทรัมป์โดยสิ้นเชิง
"ใครก็ตามที่เตรียมการดีเบตให้ทรัมป์ควรโดนไล่ออก คืนนี้เขาทำได้แย่มาก" คริสตี ซึ่งเคยช่วยทรัมป์เตรียมตัวเรื่องการโต้วาทีในการเลือกตั้งปี 2559 ให้ความเห็นกับทางเอบีซีนิวส์ (ABC News)
การโต้วาทีครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการช่วงชิงคะแนนเสียงจากผู้ชมทีวีหลายสิบล้านคน เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงแปดสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง และบางรัฐก็จะเริ่มเปิดให้เลือกตั้งล่วงหน้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
การโต้วาทีที่ออกอากาศทางเอบีซีนิวส์ดึงดูดผู้ชมทางทีวีได้ถึง 67.1 ล้านคน ตามข้อมูลของนีลเส็น (Nielsen) ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้ชมราว 51 ล้านคนที่รับชมการโต้วาทีระหว่างทรัมป์กับโจ ไบเดน (ซึ่งขณะนั้นยังเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งปธน.) เมื่อเดือนมิ.ย.
ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้สะท้อนภาพรวมทั้งหมดของการรับชมทางออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่จำนวนผู้ชมทีวีแบบดั้งเดิมกำลังลดลง
แหล่งข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริจาคพรรครีพับลิกัน 6 ราย และที่ปรึกษาของทรัมป์อีก 3 ราย ต่างลงความเห็นว่า แฮร์ริสเป็นฝ่ายชนะการโต้วาที เนื่องจากทรัมป์ไม่สามารถควบคุมประเด็นในการพูดของตนเองได้
หลายคนแสดงความผิดหวังอย่างมากที่ทรัมป์นำเรื่องที่กุขึ้นมาพูดซ้ำ นั่นคือเรื่องที่มีคนอ้างในโลกออนไลน์ว่ามีผู้อพยพชาวเฮติจำนวนมากในสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ กินสัตว์เลี้ยงของชาวเมือง
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาสองคนของทรัมป์ไม่คิดว่าการโต้วาทีครั้งนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมในโพลมากนัก
จากการสัมภาษณ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจ 10 คนโดยรอยเตอร์ พบว่าหลังการโต้วาที มี 6 คนที่ระบุว่าจะลงคะแนนให้ทรัมป์หรือมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนเขามากขึ้น ในขณะที่ 3 คนหันไปสนับสนุนแฮร์ริส และอีก 1 คนยังคงไม่แน่ใจว่าจะเลือกใคร
ถึงกระนั้น ด้วยความมั่นใจในผลลัพธ์ของการดีเบต ทีมหาเสียงของแฮร์ริสจึงได้ท้าให้ทรัมป์ร่วมการโต้วาทีรอบสองในเดือนต.ค.นี้
ในบรรดาผู้บริจาคทั้งหกคน มีสองคนที่ไม่แน่ใจว่าทรัมป์ควรจะโต้วาทีกับแฮร์ริสอีกหรือไม่ โดยหนึ่งในนั้นบอกว่าขึ้นอยู่กับว่าทีมงานของทรัมป์มั่นใจแค่ไหนว่าเขาจะสามารถจดจ่อกับประเด็นได้มากขึ้นในการโต้วาทีรอบสอง อย่างไรก็ตาม อีกสองคนกลับมองว่าทรัมป์จำเป็นต้องดีเบตอีกรอบเพื่อเรียกคืนกระแสความนิยม
"พูดตรง ๆ เลยนะ ผมว่าทรัมป์ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนแฮร์ริสทำได้เกินคาด" บิล บีน นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในเมืองฟอร์ตเวย์น รัฐอินดีแอนา ซึ่งเป็นผู้บริจาคคนหนึ่งให้ความเห็น
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการดีเบตครั้งที่สอง บีนกล่าวว่า "ผมอยากดูนะ"