โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศกร้าวเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ก.ย.) ว่า หากได้รับเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย.นี้ เขาจะยกเลิกการเก็บภาษีจากค่าล่วงเวลาทั้งหมด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดภาษีครั้งใหญ่
ทรัมป์กล่าวปราศรัยหาเสียงที่เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา โดยประกาศชัดว่า "หนึ่งในนโยบายลดภาษีของเราคือ เราจะยกเลิกการเก็บภาษีจากค่าล่วงเวลาทั้งหมด นั่นหมายความว่า ชั่วโมงทำงานนอกเวลาของคุณจะไม่ถูกหักภาษีอีกต่อไป"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทรัมป์ ซึ่งกำลังแข่งขันอย่างดุเดือดกับรองปธน.คามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะผลักดันกฎหมายยกเลิกการเก็บภาษีจากทิปเพื่อช่วยเหลือพนักงานในแวดวงธุรกิจบริการ ซึ่งในข้อนี้ แฮร์ริสเองก็เคยให้สัญญาเอาไว้เช่นเดียวกัน
โฆษกประจำทีมหาเสียงของแฮร์ริสได้ออกมาตอบโต้ข้อเสนอของทรัมป์ในวันพฤหัสบดี โดยกล่าวว่า "ตอนนี้เขากำลังจนตรอก ดิ้นรน และพร้อมจะพูดอะไรก็ได้เพื่อหลอกล่อให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้เขา"
ระหว่างการพบปะกับกลุ่มสหภาพแรงงานเมื่อต้นเดือนนี้ แฮร์ริสกล่าวหาว่า ทรัมป์เป็นผู้ขัดขวางไม่ให้ลูกจ้างหลายล้านคนได้รับค่าล่วงเวลาในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งปธน.ระหว่างปี 2560-2564
ในปี 2562 รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศใช้กฎหมายใหม่ที่ขยายสิทธิ์การรับเงินค่าล่วงเวลาให้กับแรงงานชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นอีก 1.3 ล้านคน ซึ่งเป็นการแทนที่ข้อเสนอเดิมที่เอื้อต่อลูกจ้างมากกว่าของอดีตปธน.บารัค โอบามา
ในสมัยนั้น รัฐบาลทรัมป์ได้ปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนสำหรับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาเป็น 35,568 ดอลลาร์ต่อปี จากเดิมที่ 23,660 ดอลลาร์ที่ใช้อยู่มานาน ส่งผลให้กลุ่มสิทธิแรงงานออกมาประณามทันที โดยมองว่ามาตรการนี้ทำให้ลูกจ้างที่ได้รับค่าล่วงเวลามีจำนวนน้อยลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับนโยบายในยุคโอบามา
ในยุคโอบามา กระทรวงแรงงานเคยเสนอให้ขึ้นเพดานเงินเดือนสำหรับการได้รับค่าล่วงเวลาเป็นมากกว่า 47,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ลูกจ้างอีกเกือบ 5 ล้านคนมีสิทธิ์ได้รับค่าล่วงเวลา แต่กฎข้อบังคับนี้ถูกศาลสั่งยกเลิกในภายหลัง
ค่าล่วงเวลาในระดับรายได้เหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มแรงงานที่หาเช้ากินค่ำ เช่น พนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด, พยาบาล, พนักงานร้านขายของ และลูกจ้างรายได้น้อยอื่น ๆ
"คนทำงานล่วงเวลาคือกลุ่มคนที่ขยันขันแข็งที่สุดในประเทศนี้ และเป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีใครในวอชิงตันมาเหลียวแลพวกเขาเลย" ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
ตามกฎของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ พนักงานที่มีสิทธิ์จะต้องได้รับค่าจ้างอย่างน้อย 1.5 เท่าของอัตราปกติ สำหรับชั่วโมงทำงานที่เกิน 40 ชั่วโมงในแต่ละสัปดาห์
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานเปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่แล้ว พนักงานโรงงานในสหรัฐฯ ที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้างาน ทำงานล่วงเวลาเฉลี่ย 3.7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
การไม่เก็บภาษีจากรายได้ล่วงเวลานั้นจะส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้ลดลง ในขณะที่แผนการของทรัมป์ที่จะขยายเวลาลดภาษีที่เคยประกาศใช้ในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น คาดว่าจะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นถึง 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2576 ตามการคาดการณ์ของสำนักงานงบประมาณรัฐสภา ทั้งนี้ งบประมาณของสหรัฐฯ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ก็ขาดดุลไปแล้วถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีค่าล่วงเวลาเป็นจำนวนเท่าใด
หากข้อเสนอของทรัมป์ได้รับการอนุมัติ นี่จะเป็นครั้งแรกของรัฐบาลกลางที่ดำเนินการเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ รัฐแอละแบมาได้ริเริ่มนำร่องไปแล้วในปีนี้ โดยเป็นรัฐแรกที่ประกาศยกเว้นภาษีค่าล่วงเวลาให้กับพนักงานรายชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราว 18 เดือน ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสภานิติบัญญัติ ด้วยเหตุผลส่วนหนึ่งเพื่อช่วยให้นายจ้างสามารถหาคนงานได้ง่ายขึ้นท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานตึงตัว