สำนักงานตรวจสอบอิสระของรัฐสภาสหรัฐฯ (Government Accountability Office - GAO) เปิดเผยรายงานที่แสดงให้เห็นว่า จีนใช้จ่ายเงินมากกว่าสหรัฐฯ เกือบ 9 เท่าสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกในช่วง 8 ปี ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญในการแข่งขันกับจีนเพื่อสร้างอิทธิพลในประเทศที่ยากจนกว่า
GAO เปิดเผยว่า จีนปล่อยเงินกู้ 6.79 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative - BRI) ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปี 2564 สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางหลวง โรงไฟฟ้า และการสื่อสารโทรคมนาคม ขณะที่สหรัฐฯ ปล่อยเงินกู้ 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน
เงินกู้ส่วนใหญ่ของจีนราว 1.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นการปล่อยกู้ให้กับรัสเซีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างมากระหว่างสองประเทศนี้ ส่วนเงินกู้ที่เหลือถูกใช้ไปกับการสร้างเส้นทางรถไฟในเคนยา โครงการส่งไฟฟ้าพลังน้ำในแองโกลา และโครงการอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางระดับล่าง
รายงานระบุว่า การลงทุนดังกล่าวอาจช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตและกลยุทธ์ของจีนต่อประเทศเจ้าบ้าน รวมถึงซอฟต์พาวเวอร์และชื่อเสียงของจีนในระดับโลก โดยประเทศผู้รับการลงทุนระบุว่าโครงการ BRI ช่วยตอบสนองความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในประเทศของพวกเขา
รายงานบ่งชี้ว่า จีนมีความเต็มใจที่จะปล่อยเงินกู้อย่างรวดเร็วโดยแทบไม่มีเงื่อนไขเพื่อขยายอิทธิพลของตน โดยส่วนใหญ่เป็นการปล่อยเงินกู้ระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล
อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลเคนยารายหนึ่งเปิดเผยว่า ประเทศของเขาอยากจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหรัฐฯ มากกว่า แต่การขอเงินทุนหรือความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ นั้นถูกจำกัด เข้าถึงได้ยาก และใช้เวลานาน