กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) ว่า จีนไม่พอใจอย่างยิ่งและขอคัดค้านการที่สหรัฐฯ ใช้มาตรา 301 ในการขึ้นภาษีสินค้าจีนบางรายการ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีน รวมถึงภาษี 100% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการปกป้องอุตสาหกรรมสำคัญในสหรัฐฯ จากการผลิตที่มากเกินไปซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การเก็บภาษีนำเข้าหลายรายการ รวมถึงภาษี 100% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน, 50% สำหรับเซลล์แสงอาทิตย์, และ 25% สำหรับเหล็ก, อะลูมิเนียม, แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และแร่ธาตุสำคัญ ๆ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ก.ย.นี้
ส่วนการเก็บภาษี 50% สำหรับเซมิคอนดักเตอร์จากจีน ซึ่งรวมถึงโพลีซิลิคอนที่ใช้ในแผงโซลาร์และแผ่นซิลิคอนนั้น จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2568
โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า จีนได้ยื่นคำคัดค้านอย่างจริงจังต่อสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีตามมาตรา 301 มาโดยตลอด
องค์การการค้าโลก (WTO) ได้ตัดสินแล้วว่าภาษีตามมาตรา 301 ละเมิดกฎ WTO อย่างไรก็ตาม แทนที่จะแก้ไขการกระทำผิด สหรัฐฯ กลับเพิ่มภาษีสินค้าจีน ซ้ำเติมความผิดพลาดที่มีอยู่แล้ว
โฆษกฯ ระบุว่า การกระทำนี้เป็นการปฏิบัติแบบฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้าอย่างชัดเจน ซึ่งบ่อนทำลายระเบียบการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงความมั่นคงและเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมโลก
นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวไม่เพียงแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าและความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง แต่ยังผลักดันให้ราคาสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ สูงขึ้น และบังคับให้บริษัทและผู้บริโภคสหรัฐฯ ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มเติม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้รับฟังความคิดเห็นสาธารณะเกี่ยวกับผลการทบทวนภาษีตามมาตรา 301 ซึ่งความเห็นส่วนใหญ่คัดค้านการเก็บภาษีเพิ่มเติมหรือขอให้มีการยกเว้นภาษีในวงกว้างขึ้น
โฆษกฯ กล่าวว่า "สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าภาษีตามมาตรา 301 ไม่เป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนสหรัฐฯ"
โฆษกฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขการกระทำผิดโดยทันทีและยกเลิกภาษีเพิ่มเติมทั้งหมดที่เก็บจากสินค้าจีน พร้อมเสริมว่าจีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทจีนอย่างเด็ดขาด