จอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเตือนว่า ธุรกิจของสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบ หากสหรัฐฯ อนุมัติกฎหมายที่อาจนำไปสู่การปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (HKETO) ในสหรัฐฯ ท่ามกลางความสัมพันธ์ทวิภาคีที่กำลังถดถอย
ผู้นำฮ่องกงกล่าวย้ำถึงคำขู่ของจีนในวันนี้ (17 ก.ย.) ว่า ฮ่องกงจะดำเนินการตอบโต้ หากสหรัฐฯ เดินหน้าผลักดันการปิดสำนักงาน HKETO จำนวน 3 แห่งในสหรัฐฯ เมื่อพบว่า สำนักงานเหล่านี้ดำเนินงานโดยไม่เป็นอิสระจากจีน
"หากสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะดำเนินการเช่นนั้น ประเทศของเราระบุไว้แล้วว่า เราจะตอบโต้ด้วยมาตรการที่แข็งกร้าวและเด็ดขาด" ลีแถลงต่อสื่อมวลชน "ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นภาคธุรกิจของสหรัฐฯ"
ลีประณามการกระทำของสหรัฐฯ ว่าเป็น "กลยุทธ์ทางการเมืองที่ไร้ยางอายและน่าเกลียด" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการพัฒนาของฮ่องกง พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความได้เปรียบของยอดเกินดุลการค้าที่สหรัฐฯ ได้รับจากฮ่องกง
นอกจากนี้ ลีระบุเสริมว่า บริษัทสหรัฐฯ เป็นกลุ่มที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในปีนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อขยายธุรกิจหรือเข้ามาดำเนินธุรกิจในฮ่องกง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และฮ่องกงย่ำแย่ลง อันเนื่องมาจากการปราบปรามผู้เห็นต่างในฮ่องกง ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าบ่อนทำลายหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพด้านประชาธิปไตยของฮ่องกง
นอกจากนี้ คณะบริหารของปธน.ไบเดนแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่านกฎหมายความมั่นคงที่เรียกว่า มาตรา 23 (Article 23) เมื่อเดือนมี.ค. ซึ่งอาจทำให้เสรีภาพขั้นพื้นฐานถูกบั่นทอนลงมากยิ่งขึ้น