สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) เปิดเผยผลสำรวจ "CNBC Fed Survey" เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) โดยระบุว่า นับเป็นครั้งแรกในฤดูการเลือกตั้งปี 2567 ที่ผู้เข้าร่วมการสำรวจมองว่า คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีโอกาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดี
ผู้ที่เข้าร่วมการสำรวจในครั้งนี้ประกอบด้วยนักกลยุทธ์ด้านการลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ และผู้จัดการกองทุนจำนวน 27 ราย โดยการสำรวจจัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย. เพียงไม่กี่วันหลังจากการประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งเดียวระหว่างแฮร์ริสและทรัมป์
ทั้งนี้ ผลสำรวจบ่งชี้ว่า 48% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า แฮร์ริสมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ขณะที่ 41% เชื่อว่าทรัมป์จะได้รับชัยชนะ
ผลสำรวจล่าสุดแตกต่างจากการสำรวจในช่วงปลายเดือนก.ค. ซึ่งพบว่า 50% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดการณ์ว่าทรัมป์จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ และมีเพียง 37% เท่านั้นที่คาดว่าแฮร์ริสจะเป็นฝ่ายชนะ โดยการสำรวจในเดือนก.ค.มีขึ้นเพียง 9 วันหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากการลงเลือกตั้งและหันมาสนับสนุนแฮร์ริสให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
สำหรับนโยบายเศรษฐกิจของแฮร์ริสนั้น มุ่งเน้นไปที่การขยายกลุ่มชนชั้นกลาง และปรับลดต้นทุนการอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึงการให้เงินอุดหนุนสำหรับผู้ซื้อบ้าน และขยายระยะเวลาการให้เครดิตภาษีและการปรับลดภาษี ขณะที่ทรัมป์มุ่งเน้นไปที่การขยายระยะเวลาการปรับลดภาษีที่เขาริเริ่มไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก รวมทั้งการใช้นโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภท และยกเลิกการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนที่ริเริ่มโดยคณะบริหารของประธานาธิบดีไบเดน
ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า 56% ของผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่า การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นมากกว่าแฮร์ริส