กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเปิดเผยในวันนี้ (25 ก.ย.) ว่า นักรบของตนได้ยิงขีปนาวุธที่มุ่งเป้าโจมตีสำนักงานใหญ่ของมอสซาด ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล ใกล้กรุงเทลอาวีฟ นับเป็นการยกระดับความขัดแย้งกับอิสราเอล และทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้สงครามเต็มรูปแบบมากขึ้น
ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลสามารถยิงสกัดขีปนาวุธชนิดจากพื้นสู่พื้น (surface-to-surface missile) หลังตรวจพบลอยข้ามพรมแดนมาจากเลบานอน ท่ามกลางเสียงไซเรนเตือนภัยที่ดังระงมทั่วกรุงเทลอาวีฟ
อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้เสียชีวิต และกองทัพอิสราเอลกล่าวว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งป้องกันพลเรือนในภาคกลางของอิสราเอล
นาดาฟ โชชานี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวว่า เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์มีเป้าหมายอะไรในการยิงขีปนาวุธจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเลบานอน
"ผลลัพธ์ก็คือขีปนาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงมุ่งหน้าสู่กรุงเทลอาวีฟ ไปยังพื้นที่ของพลเรือน สำนักงานใหญ่ของมอสซาดไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่นั้น" โชชานีกล่าวเสริม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองทัพอิสราเอลเปิดฉากการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ในพื้นทางใต้ของเลบานอนนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (23 ก.ย.) โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และเป้าหมายหลายร้อยแห่งลึกเข้าไปในประเทศ
นับตั้งแต่เช้าวันจันทร์ การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้คร่าชีวิตผู้คนในเลบานอนไปแล้ว 569 ราย รวมถึงเด็ก 50 ราย และบาดเจ็บ 1,835 ราย จากการเปิดเผยของไฟราสส์ อาบีอัด รัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอน
ด้านอับดุลเลาะห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอน คาดว่ามีประชาชนกว่าครึ่งล้านในเลบานอนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น