พรรคเสรีภาพ (FPO) ฝ่ายขวาจัดของออสเตรีย จำเป็นต้องหาทางเปิดประตูสู่อำนาจในวันจันทร์นี้ (30 ก.ย.) หลังจากคว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา แต่พรรคที่ต่อต้านชนชั้นนำนี้กลับเผชิญอุปสรรคในการหาพันธมิตรมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชัยชนะของพรรค FPO ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านสหภาพยุโรป (EU) และสนับสนุนรัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 ก.ย.) ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในการเรืองอำนาจของฝ่ายขวาจัดในยุโรปช่วงหลัง แต่พรรคก็ต้องเจอกับความเป็นจริงอันโหดร้ายในทันทีเมื่อเฮอร์เบิร์ต คิคเคิล หัวหน้าพรรค FPO ปรากฏตัวในรายการทีวีหลังประกาศผลเลือกตั้ง โดยผู้นำพรรคอื่น ๆ ในรัฐสภาต่างปฏิเสธข้อเสนอของเขาในการจัดตั้งรัฐบาลผสม
พรรค FPO ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนนำหน้าพรรคประชาชน (OVP) ของนายกรัฐมนตรี คาร์ล เนฮัมเมอร์ ประมาณ 2.5% โดยกวาดคะแนนเสียงไปราว 29% ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของพรรค FPO และคิคเคิลกล่าวหาคู่แข่งว่าขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน
"พรุ่งนี้จะเป็นวันจันทร์สีน้ำเงิน และเราจะเริ่มเปลี่ยน 29% นี้ให้เป็นจริงทางการเมืองในประเทศนี้" คิคเคิลกล่าวกับผู้สนับสนุนเมื่อค่ำวันอาทิตย์ โดยอ้างถึงสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีประจำพรรคของเขา
คิคเคิล ซึ่งเป็นพันธมิตรกับนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บัน แห่งฮังการี ได้เสนอที่จะเจรจากับทุกพรรคในออสเตรีย ซึ่งระบบการเลือกตั้งของประเทศนี้ส่งผลให้พรรคการเมืองส่วนใหญ่ต้องปกครองในรูปแบบรัฐบาลผสม
ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ฟาน แดร์ เบลเลน อดีตหัวหน้าพรรคกรีนส์ ผู้มีหน้าที่กำกับดูแลการจัดตั้งรัฐบาล ได้เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองเจรจาหารือร่วมกัน พร้อมทั้งชี้แจงว่ากระบวนการนี้อาจใช้เวลานานกว่า 2-3 เดือนที่ชาวออสเตรียคุ้นเคย
ทั้งนี้ พรรค FPO ชนะด้วยคะแนนโหวตสูงกว่าที่โพลคาดการณ์ไว้ แต่ชัยชนะนี้อาจกลายเป็นความสำเร็จที่ว่างเปล่า หากคิคเคิลหาพันธมิตรมาร่วมรัฐบาลไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สร้างความฮือฮาให้กับพรรคขวาจัดทั่วยุโรป ซึ่งได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทั้งเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี กระแสสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยร้าวใน EU ในประเด็นนโยบายสำคัญ เช่น การปกป้องยูเครนจากรัสเซีย
คิคเคิลคัดค้านการช่วยเหลือยูเครนและต้องการให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยอ้างว่ามาตรการเหล่านี้ทำร้ายออสเตรียมากกว่ามอสโก
ฝ่ายสนับสนุนกล่าวว่านโยบาย "ออสเตรียต้องมาก่อน" (Austria First) ของพรรค FPO จะช่วยสกัดกั้นการเข้าเมืองผิดกฎหมายและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ฝ่ายวิจารณ์กลัวว่าอาจนำไปสู่รัฐที่มีลักษณะเผด็จการมากขึ้น
ไอรีน รูบิค ข้าราชการเกษียณวัย 69 ปี ผู้ลงคะแนนให้พรรคกรีนส์ แสดงความกังวลว่าชัยชนะของพรรค FPO หมายถึงอนาคตของออสเตรียในฐานะประเทศประชาธิปไตยกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอชี้ให้เห็นว่าประเทศอาจเสี่ยงที่จะ "กลายเป็นออร์บัน" (Orbanisation) เหมือนฮังการี
อนึ่ง พรรค FPO ก่อตั้งขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 ภายใต้การนำของสมาชิกรัฐสภาที่เคยสังกัดกลุ่มนาซี และพรรคพยายามปรับภาพลักษณ์ให้ดูประนีประนอมมากขึ้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งถูกดึงดูดด้วยคำมั่นสัญญาของพรรคที่จะจำกัดผู้ลี้ภัยและแก้ปัญหาเงินเฟ้อ แม้ว่าความผูกพันของพวกเขาต่อคิคเคิลดูจะไม่มากนัก
ผลสำรวจโดยบริษัทโพลฟอร์ไซต์ (Foresight) แสดงให้เห็นว่า มีเพียง 2% ของผู้ลงคะแนนให้พรรค FPO ที่ระบุว่าคิคเคิลเป็นเหตุผลหลักในการลงคะแนนเสียง ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในบรรดาหัวหน้าพรรคทั้งหมด
แม้พรรค OVP เป็นพรรคเดียวที่แสดงท่าทีเปิดกว้างต่อการจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรค FPO แต่เนฮัมเมอร์ได้ปฏิเสธที่จะร่วมรัฐบาลกับคิคเคิล เนฮัมเมอร์ยังคงยืนยันจุดยืนนี้อีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ และไม่มีสัญญาณใดบ่งชี้ว่าคิคเคิลจะยอมถอย
หากคิคเคิลตั้งรัฐบาลผสมไม่ได้ ก็อาจเปิดทางให้เกิดการจับมือกันระหว่างพรรค OVP และพรรคสังคมประชาธิปไตยฝ่ายซ้ายกลาง ซึ่งเป็นสองพรรคใหญ่ที่ผลัดกันครองอำนาจในออสเตรียมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
โทมัส โฮเฟอร์ นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวว่า การที่คิคเคิลถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามตลอดเวลาและการที่พรรคอื่น ๆ ไม่ยอมร่วมงานด้วย อาจยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของเขาในฐานะคนนอกที่มุ่งมั่นจะเขย่าระบบที่ล้มเหลว
"เพราะชัดเจนว่าเฮอร์เบิร์ต คิคเคิล มองเรื่องนี้เป็นแค่การยืนยันวาทกรรมต่อต้านระบบและต่อต้านชนชั้นนำของเขาเท่านั้น" โฮเฟอร์กล่าว