การประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบตระหว่างทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาและผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต กับเจดี แวนซ์ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอและผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ปิดฉากลงแล้วในช่วงสายวันนี้ตามเวลาไทย (2 ต.ค.) โดยสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) เป็นผู้จัดการดีเบตดังกล่าวที่รัฐนิวยอร์ก ขณะที่ชาวอเมริกันต่างจับตาศึกดีเบตในครั้งนี้เนื่องจากจะมีขึ้นก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียง 5 สัปดาห์
หลังจากการดีเบตจบลง แวนซ์และวอลซ์จับมือกัน และต่างฝ่ายต่างแนะนำภริยาของตนให้อีกฝ่ายได้รู้จัก ซึ่งเป็นการปิดฉากการดีเบตที่สวยงามและแตกต่างจากการดีเบตระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ กับคามาลา แฮร์ริส คู่ชิงประธานาธิบดี เมื่อเดือนที่แล้ว
รายงานระบุว่า แวนซ์และวอลซ์ใช้เวลาพูดคุยกันบนเวทีอยู่ครู่หนึ่งหลังจบการดีเบตและแนะนำภริยา ซึ่งก็คืออูชา แวนซ์ และเกว็น วอลซ์ จากนั้นทั้งแวนซ์และวอลซ์ได้เดินไปหาผู้ดำเนินรายการคือ โนอาห์ โอดอนเนลล์ และมากาเร็ต เบรนแนน เพื่อกล่าวขอบคุณสำหรับการดีเบตครั้งนี้
- วอลซ์ใช้แอร์ไทม์มากกว่าแวนซ์
ข้อมูลจากเอ็นบีซี (NBC) ระบุว่า ทั้งวอลซ์และแวนซ์มีโอกาสชี้แจงในระหว่างการดีเบตครั้งนี้ประมาณ 30 ครั้ง แต่วอลซ์ใช้แอร์ไทม์มากกว่าแวนซ์เล็กน้อย โดยวอลซ์ใช้เวลาประมาณ 40.6 นาที ขณะที่แวนซ์ใช้เวลาประมาณ 38.1 นาที
*โพลเบื้องต้นชี้ แวนซ์คะแนนนำวอลซ์เล็กน้อย
CBS เปิดเผยผลสำรวจเบื้องต้นระบุว่า 42% ของผู้ชมการดีเบตครั้งนี้มองว่าแวนซ์เป็นผู้ชนะ ขณะที่ 41% มองว่าวอลซ์ชนะ ส่วนผู้ชมการดีเบตอีก 17% มองว่า แวนซ์และวอลซ์มีคะแนนสูสีกัน
ในช่วงแรกของการดีเบตนั้น ทั้งสองฝ่ายโจมตีกันด้วยประเด็นส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวอลซ์ที่เหน็บแนมแวนซ์ว่าเคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ซึ่งเป็นคู่ชิงประธานาธิบดีของตนเองว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งแวนซ์ก็ชี้แจงว่าเขาเข้าใจทรัมป์ผิดไป จากนั้นสถานีโทรทัศน์ CBS ได้ปิดไมโครโฟนของทั้งแวนซ์และวอลซ์ หลังจากทั้งสองพยายามพูดแทรกผู้ดำเนินรายการในประเด็นผู้อพยพในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ
*วอลซ์ VS แวนซ์ โต้เถียงประเด็นการทำแท้ง
วอลซ์กล่าวโจมตีทรัมป์ที่เรียกการยกเลิกคำตัดสินคดีโร วี. เวด (Roe v. Wade) ว่าเป็น "สิ่งที่สวยงาม" พร้อมกับเล่าเรื่องราวของผู้หญิงหลายคนที่ถูกคุกคามจากกฎหมายการทำแท้งที่เข้มงวดของรัฐ
"อแมนดา ซูรอวสกี คงไม่เห็นด้วยกับคุณว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงาม" วอลซ์กล่าว "หรือในเคนตักกี แฮดลีย์ ดูวอลล์ เด็กหญิงอายุ 12 ปีถูกข่มขืนและตั้งครรภ์จากการกระทำของพ่อเลี้ยง เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ"
"ถ้าคุณไม่รู้จักอแมนดาหรือแฮดลีย์ คุณจะรู้จักพวกเธอในไม่ช้า" วอลซ์กล่าว จากนั้นเขาเตือนเรื่องข้อเสนอใน "Project 2025" ซึ่งเป็นแผนนโยบายอนุรักษ์นิยมที่มีความเชื่อมโยงกับทรัมป์และแวนซ์
"Project 2025 จะกำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนการตั้งครรภ์ โครงการนี้จะทำให้การเข้าถึงการคุมกำเนิดยากขึ้น หรือไม่ก็ทำให้การเข้าถึงเป็นไปอย่างจำกัด" วอลซ์กล่าว
*แวนซ์ปกป้องแผนงานสาธารณสุขของทรัมป์
แวนซ์ได้กล่าวปกป้องคำกล่าวอ้างของทรัมป์ในการดีเบตกับแฮร์ริสที่ว่า เขามี "แนวคิด" เกี่ยวกับแผนการแผนการหนึ่งที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายสาธารณสุขที่รู้จักกันในชื่อ "โอบามาแคร์"
แวนซ์กล่าวว่า เขาและทรัมป์จะให้ความคุ้มครองชาวอเมริกันที่มีโรคประจำตัว "อย่างแน่นอน" ซึ่งการคุ้มครองกรณีดังกล่าวเป็นหลักการสำคัญของโอบามาแคร์
แวนซ์กล่าวต่อไปว่า "คุณรู้ไหม หลายคนวิพากษ์วิจารณ์คำพูดเรื่องแนวคิดของแผนนี้ และมันเป็นเรื่องของสามัญสำนึกที่คุณจะไม่เสนอร่างกฎหมาย 900 หน้าในขณะที่คุณยืนอยู่บนเวทีดีเบต"
*แวนซ์แสดงความเห็นใจวอลซ์เรื่องลูกชายวัย 17 ปีเห็นเหตุการณ์ยิงกัน
แวนซ์แสดงความเห็นใจต่อวอลซ์ หลังจากวอลซ์กล่าวว่าลูกชายวัย 17 ปีของเขาเห็นเหตุการณ์ยิงกันในศูนย์ชุมชนขณะกำลังเล่นวอลเลย์บอล
"ผมไม่ทราบมาก่อนว่าลูกชายอายุ 17 ปีของคุณเห็นเหตุการณ์ยิงกัน" แวนซ์กล่าว "ผมเสียใจด้วย และผมเข้าใจความรู้สึกนั้น ขอพระเจ้าทรงเมตตา"
การแสดงความเห็นของทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นเมื่อผู้ดำเนินรายการถามเกี่ยวกับความรุนแรงจากอาวุธปืนที่กำลังลุกลามในสหรัฐฯ โดยแวนซ์กล่าวว่า ความรุนแรงส่วนใหญ่เกิดจากอาวุธปืนที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย และกล่าวโทษแฮร์ริสในกรณีที่ตำรวจชายแดนปล่อยให้ปืนผิดกฎหมายจำนวนมากจากเม็กซิโกทะลักเข้ามาในสหรัฐฯ ขณะเดียวกันเขาเรียกร้องให้ปรับปรุงความปลอดภัยในโรงเรียน โดยกล่าวว่า "เราต้องทำให้หน้าต่างแข็งแรงขึ้น... เราต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงเรียน"
*วอลซ์ปกป้องข้อเสนอของแฮร์ริสเรื่องเงินช่วยเหลือดาวน์บ้านจำนวน 25,000 ดอลลาร์
วอลซ์กล่าวปกป้องข้อเสนอของแฮร์ริสที่จะให้เงินช่วยเหลือการดาวน์บ้านจำนวน 25,000 ดอลลาร์แก่ผู้ซื้อบ้านครั้งแรก โดยกล่าวว่าจะช่วยให้ผู้คนสร้างความมั่งคั่งได้
เขากล่าวว่าข้อเสนอนี้จะไม่ผลักดันราคาให้สูงขึ้น แต่จะเปิดโอกาสให้คนมากขึ้นได้เป็นเจ้าของบ้าน
*วอลซ์ชี้อิหร่านใกล้จะมีอาวุธนิวเคลียร์ก็เพราะทรัมป์
วอลซ์วิจารณ์การตัดสินใจของทรัมป์ที่ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งริเริ่มโดยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยเขากล่าวว่าเป็นการเปิดทางให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ต่อไป
"อิหร่านใกล้จะมีอาวุธนิวเคลียร์มากกว่าเดิมก็เพราะความเป็นผู้นำที่รวนเรของโดนัลด์ ทรัมป์" วอลซ์กล่าว
วอลซ์ยังกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ ต้องการผู้นำที่มั่นคงอย่างคามาลา แฮร์ริส เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
*วอลซ์โจมตีแวนซ์กรณีเคยวิจารณ์ทรัมป์ไม่เหมาะเป็นผู้นำ
วอลซ์ได้กล่าวเหน็บแนมแวนซ์ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ซึ่งเป็นคู่ชิงประธานาธิบดีของตนเอง โดยกล่าวว่า "คนที่ใกล้ชิดกับโดนัลด์ ทรัมป์มากที่สุดเคยกล่าวไว้ว่า ทรัมป์ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือวุฒิสมาชิกแวนซ์ผู้นี้นี่เอง"
ทั้งนี้ ในปี 2563 ก่อนที่แวนซ์จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกและเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของทรัมป์ เขาเคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างเปิดเผย
- แวนซ์แก้ต่าง "ผมเข้าใจโดนัลด์ ทรัมป์ ผิดไป"
"ผมเคยเข้าใจผิดเกี่ยวกับโดนัลด์ ทรัมป์" แวนซ์กล่าวถึงกรณีที่เขาเคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าทรัมป์ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 และเคยกล่าวว่าทรัมป์มีแนวโน้มที่จะกลายเป็น "ฮิตเลอร์แห่งอเมริกา"
"อย่างแรกเลย ผมเข้าใจผิดเพราะผมเชื่อเรื่องราวบางอย่างจากสื่อ ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นการบิดเบือนเรื่องของทรัมป์" แวนซ์ชี้แจง เมื่อถูกถามว่า ชาวอเมริกันจะไว้วางใจให้เขามาทำหน้าที่ให้คำแนะนำที่จำเป็นแก่ทรัมป์ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเคยวิจารณ์ทรัมป์มาก่อน
"แต่สำคัญที่สุดคือ โดนัลด์ ทรัมป์ได้ทำงานเพื่อประชาชนชาวอเมริกัน เขาทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจที่เอื้อต่อชาวอเมริกันทั่วไป เขาทำให้พื้นที่ชายแดนทางใต้มีปลอดภัย และอีกหลายสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเขาจะสามารถทำได้จริง ๆ" แวนซ์กล่าว