อัยการสหรัฐฯ ระบุในเอกสารศาลที่เปิดเผยเมื่อวันพุธ (2 ต.ค.) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ กระทำการนอกเหนือขอบเขตอำนาจหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยกดดันเจ้าหน้าที่รัฐและไมค์ เพนซ์ รองปธน.ในขณะนั้น เพื่อพยายามล้มผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้ในปี 2563
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อัยการยื่นเอกสารยาว 165 หน้าต่อศาล โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คดีอาญาระดับรัฐบาลกลางที่ฟ้องร้องทรัมป์ดำเนินต่อไปได้ โดยเป็นคดีเกี่ยวกับการที่ทรัมป์พยายามแทรกแซงผลการเลือกตั้ง
การยื่นเอกสารนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลสูงสหรัฐฯ มีคำตัดสินเมื่อเดือนก.ค.ว่า อดีตปธน.สหรัฐฯ มีความคุ้มกันอย่างกว้างขวางจากการถูกดำเนินคดี สำหรับการกระทำในหน้าที่อย่างเป็นทางการขณะดำรงตำแหน่ง
อัยการที่ทำงานร่วมกับอัยการพิเศษแจ็ค สมิธ ได้เปิดเผยรายละเอียดพฤติกรรมของทรัมป์หลังการเลือกตั้งปี 2563 รวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งได้ยินทรัมป์บอกกับคนในครอบครัวว่า "ชนะหรือแพ้เลือกตั้งมันไม่สำคัญหรอก ยังไงก็ต้องสู้กันสุดฤทธิ์"
ทั้งนี้ ทรัมป์ให้การปฏิเสธข้อหาอาญาทั้ง 4 ข้อ ที่กล่าวหาว่าเขาสมคบคิดขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งของรัฐสภา ฉ้อโกงสหรัฐฯ โดยบิดเบือนผลการเลือกตั้ง และแทรกแซงสิทธิในการลงคะแนนเสียงของชาวอเมริกัน
เอกสารที่ยื่นต่อศาลดังกล่าวส่วนใหญ่พูดถึงเรื่องที่ทรัมป์พยายามทำกับไมค์ เพนซ์ ซึ่งทรัมป์พยายามกดดันเพนซ์ให้ใช้บทบาทของเขาในการกำกับดูแลการรับรองผลการเลือกตั้งของรัฐสภาในวันที่ 6 ม.ค. 2564 เพื่อช่วยล้มผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้
เอกสารที่ยื่นต่อศาลเผยให้เห็นว่า พวกพ้องของทรัมป์พยายามพูดแก้ต่างให้เขาต่อสาธารณชน แต่ทรัมป์กลับพูดเยาะเย้ยลับหลังต่อคำแก้ต่างเหล่านั้น เช่น ระหว่างที่ทรัมป์คุยโทรศัพท์กับทนายคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นซิดนีย์ พาวเวลล์ ทรัมป์ได้กดปุ่มปิดเสียงโทรศัพท์เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน แล้วพูดว่าสิ่งที่ทนายคนนี้กล่าวอ้างนั้น "บ้า"
นอกจากนี้ อัยการกล่าวหาว่า ในวันที่ 1 ม.ค. 2564 ทรัมป์ได้ข่มขู่เพนซ์ว่าประชาชน "จะเกลียดคุณเข้าไส้" และ "คิดว่าคุณโง่" ถ้าเพนซ์ไม่ยอมขัดขวางการรับรองชัยชนะของโจ ไบเดน แคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม สตีเวน เชิง โฆษกของทรัมป์ โจมตีการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ โดยกล่าวว่าคดีทั้งหมดนี้เป็นการล่าแม่มดที่มีอคติทางการเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ สมควรถูกยกฟ้องทั้งหมด และควรเมินเฉยต่อเรื่องหลอกลวงที่เหลือทั้งหมดของเดโมแครต
ทั้งนี้ อัยการได้ยื่นเอกสารต่อศาลตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (26 ก.ย.) แต่ผู้พิพากษาศาลแขวงของสหรัฐฯ ทันยา ชุตกาน ต้องอนุมัติการปกปิดข้อมูลบางส่วนที่เสนอมาก่อนที่จะเผยแพร่เอกสารต่อสาธารณะ
หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ก็มีแนวโน้มที่จะสั่งให้กระทรวงยุติธรรมยกเลิกข้อกล่าวหาต่าง ๆ
นอกจากนี้ อัยการเน้นย้ำโพสต์ทวิตเตอร์ของทรัมป์ที่ส่งระหว่างเกิดเหตุจลาจลในรัฐสภา ซึ่งทรัมป์กล่าวหาว่าเพนซ์ "ไม่มีความกล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่ควรทำ" ระหว่างการรับรองผลการเลือกตั้ง
อัยการกล่าวว่าโพสต์นั้น "ไม่ใช่ข้อความที่ส่งเพื่อจัดการกับเรื่องที่สาธารณชนกังวลหรือเพื่อบรรเทาความไม่สงบ แต่เป็นข้อความของผู้สมัครที่โกรธแค้นเมื่อตระหนักว่าตนกำลังจะสูญเสียอำนาจ"