ผู้ประท้วงนับหมื่นออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อเรียกร้องให้ยุติการนองเลือดในฉนวนกาซาและตะวันออกกลาง และคาดว่าจะมีผู้ออกมาร่วมชุมนุมมากที่สุดในวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีที่สงครามอุบัติขึ้น
เหตุการณ์สู้รบนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์โจมตีภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 ราย และถูกจับเป็นตัวประกันประมาณ 250 ราย ก่อนที่อิสราเอลจะตอบโต้ด้วยการเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ซึ่งส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์นับล้านต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นและเกิดวิกฤตความอดอยาก
ในสหรัฐอเมริกา มีการชุมนุมใกล้กับทำเนียบขาวในวอชิงตัน และที่ไทม์สแควร์ในนิวยอร์ก เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลในปฏิบัติการโจมตีกาซาและรุกรานเลบานอน
ส่วนในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ผู้ประท้วงที่สนับสนุนปาเลสไตน์อย่างน้อย 1,000 คนรวมตัวกันใกล้กับสถานทูตสหรัฐฯ ในเช้าวันอาทิตย์ เพื่อเรียกร้องให้วอชิงตันหยุดส่งอาวุธให้กับอิสราเอล
ขณะที่ในกรุงลอนดอน ผู้ประท้วงนับหมื่นเดินขบวนผ่านใจกลางเมืองท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด เมื่อผู้ประท้วงที่สนับสนุนปาเลสไตน์และผู้ประท้วงที่สนับสนุนอิสราเอลเดินสวนกันไปมา และเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผลักดันกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามฝ่าแนวป้องกัน โดยตำรวจนครบาลเปิดเผยว่ามีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 17 รายในข้อหาละเมิดความสงบเรียบร้อยของประชาชน และทำร้ายร่างกาย
ในกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำหลังจากเกิดการปะทะกัน เมื่อผู้ประท้วงราว 6,000 คนฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินขบวนใจกลางเมือง สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 30 นาย และผู้ชุมนุม 3 คนได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันดังกล่าว
ส่วนในเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี ผู้ประท้วงราว 1,000 คนถือธงปาเลสไตน์ตะโกนว่า "หนึ่งปีแห่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" และเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการชุมนุมประท้วงในประเทศอื่น ๆ ของยุโรป เช่น สเปน กรีซ เซอร์เบีย เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และสวิตเซอร์แลนด์ และในส่วนอื่นของโลกอย่างกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ และกรุงเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ เป็นต้น ขณะที่กองกำลังความมั่นคงในหลายประเทศได้ยกระดับการเฝ้าระวังตามเมืองใหญ่ ๆ ท่ามกลางความกังวลว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจจุดชนวนให้เกิดการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ในยุโรป หรือการประท้วงอาจบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลรุนแรง