แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการแถลงสรุปข่าววานนี้ (8 ต.ค.) ว่า การเรียกร้องหยุดยิงของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แสดงให้เห็นว่า ทางกลุ่มกำลังเสียเปรียบและถูกไล่ต้อน
"เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ทั่วโลกเรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงนี้ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เคยปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าวมาแล้ว และในตอนนี้ที่พวกเขากำลังเสียเปรียบและถูกไล่ต้อน พวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วและเรียกร้องการหยุดยิง ซึ่งแน่นอนว่าในท้ายที่สุดแล้ว เราต้องการแนวทางแก้ไขความขัดแย้งนี้ด้วยวิธีการทางการทูต" มิลเลอร์กล่าว
คำกล่าวของโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่นาอิม กัสเซ็ม รองผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ได้กล่าวผ่านโทรทัศน์เมื่อวันอังคารว่า ศักยภาพในการรบของกลุ่มยังอยู่ครบถ้วน และเหล่านักรบของกลุ่มกำลังผลักดันการรุกรานภาคพื้นดินของอิสราเอลให้ถอยร่นกลับไป แม้ว่า "จะถูกโจมตีอย่างหนัก" จากอิสราเอลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
กัสเซ็มกล่าวว่า ทางกลุ่มสนับสนุนความพยายามของนาบีห์ เบอร์รี ประธานรัฐสภาเลบานอน ซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขข้อเรียกร้องของทางกลุ่ม
ทั้งนี้ มิลเลอร์เผยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพูดคุยกับบรรดาผู้ทรงอิทธิพลต่าง ๆ ในเลบานอน ซึ่งมักกระทำผ่านคนกลาง หลังถูกถามว่า สหรัฐฯ กำลังหารือกับเบอร์รีเกี่ยวกับความพยายามของเลบานอนในการเลือกผู้นำคนใหม่อยู่หรือไม่ โดยเขากล่าวว่า "ขั้นตอนต่าง ๆ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ และผมไม่คิดว่าเป็นการดีนักที่จะประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบ"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การบุกโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนของอิสราเอลได้กระตุ้นให้นักการเมืองเลบานอนบางรายเสนอตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีที่ว่างมานานถึงสองปี เพื่อฟื้นฟูประเทศที่หยุดชะงักมาอยู่แล้วก่อนที่จะถูกซ้ำเติมจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น