อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวกับนักข่าว ณ สำนักงานใหญ่ของ UN ในนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร (8 ต.ค.) ว่า เลบานอนเสี่ยงเผชิญสงครามเต็มรูปแบบ แต่ยังพอมีเวลาที่จะหยุดยั้งได้ พร้อมกับเปรียบเปรยว่าภูมิภาคตะวันออกกลางเป็น "ถังดินปืนที่มีหลายฝ่ายพร้อมจุดไฟ"
เลขาฯ UN กล่าวว่า "เมื่อหลายเดือนก่อนผมได้เตือนไปแล้วว่ามีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะบานปลาย" พร้อมกับเสริมว่าสถานการณ์ในเวสต์แบงก์กำลังร้อนระอุ และการโจมตีเลบานอนเป็นภัยคุกคามต่อทั้งภูมิภาค
กูเตอร์เรสกล่าวว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การยิงตอบโต้ระหว่างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มอื่น ๆ ในเลบานอน กับกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้ทวีความรุนแรงขึ้นข้ามเส้นแบ่งเขตแดน โดยไม่มีใครคำนึงถึงมติ 1701 และ 1559 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เลยแม้แต่น้อย
กูเตอร์เรสชี้ว่า การที่อิสราเอลโจมตีครั้งใหญ่ในเลบานอน ซึ่งรวมถึงในกรุงเบรุต ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 2,000 รายในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้ 1,500 รายเสียชีวิตในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังมีผู้พลัดถิ่นในเลบานอนมากกว่า 1 ล้านคน และมีผู้ที่ลี้ภัยไปยังซีเรียมากกว่า 300,000 คน ขณะที่มีผู้พลัดถิ่นทางตอนเหนือของอิสราเอลมากกว่า 60,000 คน
"เราใกล้เผชิญกับสงครามเต็มรูปแบบในเลบานอน ซึ่งสร้างความเสียหายร้ายแรงไปแล้ว แต่ยังพอมีเวลาที่จะหยุดยั้งได้" กูเตอร์เรสกล่าว พร้อมกับเน้นย้ำว่า "เราต้องเคารพอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศ"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เลขาฯ UN ยังคงเน้นย้ำให้มีการหยุดยิงทันทีทั้งในกาซาและเลบานอน รวมถึงเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันโดยไม่มีเงื่อนไข และให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ตลอดจนขอให้มีการแก้ไขปัญหาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ตามแนวทางสองรัฐ (two-state solution)