กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 ต.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมชายชาวอัฟกานิสถานในเมืองโอคลาโฮมาซิตี ด้วยข้อหาวางแผนก่อการร้ายในวันเลือกตั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นาซีร์ อะฮ์หมัด เตาเฮดี วัย 27 ปี ผู้ต้องหาซึ่งเข้ามาอาศัยในสหรัฐฯ เมื่อปี 2564 ด้วยวีซ่าผู้อพยพพิเศษ ถูกกล่าวหาว่าวางแผนโจมตีในนามของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS)
ทั้งนี้ โครงการวีซ่าผู้อพยพพิเศษเปิดรับผู้ที่เคยทำงานร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ หรือภายใต้อำนาจหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตในฐานะล่ามในอิรักหรืออัฟกานิสถาน โดยรับไม่เกิน 50 คนต่อปี
จากคำฟ้อง เตาเฮดีได้ค้นหาข้อมูลทางออนไลน์เกี่ยวกับการเข้าถึงกล้องวงจรปิดในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และข้อมูลรัฐต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตในการซื้ออาวุธปืน นอกจากนี้ เขายังเข้าชมเว็บแคมของทำเนียบขาวและอนุสาวรีย์วอชิงตันอีกด้วย
เตาเฮดีและผู้สมรู้ร่วมคิดที่เป็นผู้เยาว์ ซึ่งเป็นน้องเขยของเตาเฮดี ถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) หลังจากพบกับเจ้าหน้าที่ FBI ที่ปลอมตัวเพื่อซื้อปืน AK-47 สองกระบอกพร้อมกระสุน
ในการสอบปากคำหลังถูกจับกุม เตาเฮดีเปิดเผยว่าแผนการโจมตีมุ่งเป้าไปที่การชุมนุมขนาดใหญ่ โดยเขาและผู้ร่วมก่อการตั้งใจจะพลีชีพในฐานะวีรชน
อัยการสูงสุดสหรัฐฯ เมอร์ริค การ์แลนด์ แถลงว่า "เราจะไม่หยุดยั้งในการต่อกรกับภัยคุกคามที่ไอซิสและผู้สนับสนุนก่อขึ้นต่อความมั่นคงของชาติ เราจะสืบหา สอบสวน และนำตัวผู้ที่พยายามสร้างความหวาดกลัวให้ชาวอเมริกันมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้"
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้เผยแพร่ "รายงานประเมินภัยคุกคามต่อมาตุภูมิ" ระบุว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะยังคงตึงเครียดในปีหน้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ เช่น การเลือกตั้งปี 2567 และสงครามในฉนวนกาซา
กระทรวงฯ ระบุในรายงานประเมินซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ว่า "ผู้ก่อเหตุรายเดี่ยวและกลุ่มขนาดเล็กยังคงเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ อาทิ กลุ่มรัฐอิสลามและอัลกออิดะห์ ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะก่อเหตุหรือปลุกระดมให้เกิดการโจมตีในมาตุภูมิ"
ทั้งนี้ กลุ่มรัฐอิสลามเคยสังหารประชาชนนับพันด้วยข้ออ้างทางศาสนาสุดโต่ง ก่อนที่จะถูกปราบปรามจนเสียดินแดนทั้งหมดในอิรักเมื่อปี 2560 และในซีเรียเมื่อปี 2562