คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้จัดการประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับเลบานอนในวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) หลังอิสราเอลยิงถล่มกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน (UNIFIL) ในช่วงเช้าวันเดียวกัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โรสแมรี ดิคาร์โล รองเลขาธิการ UN ด้านกิจการการเมืองและการสร้างสันติภาพ กล่าวว่า "ความขัดแย้งในเลบานอน ประกอบกับการโจมตีที่ทวีความรุนแรงขึ้นในซีเรีย และไฟความรุนแรงที่ลุกโชนไปทั่วฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์บ่งชี้ว่า ภูมิภาคเสี่ยงเผชิญกับสงครามเต็มรูปแบบ"
ดิคาร์โลระบุว่า การปะทะกันระหว่างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลก่อให้เกิด "สถานการณ์ฉุกเฉินด้านมนุษยธรรม"
ด้านฌอง-ปิแอร์ ลาครัวซ์ รองเลขาธิการ UN ฝ่ายปฏิบัติการสันติภาพระบุว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินและการระดมโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงของอิสราเอลทั่วเลบานอนทำให้พื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอนไม่มีผู้คนอาศัยอยู่และมีโอกาสที่จะไม่สามารถอยู่อาศัยได้มากขึ้น โดยเขากล่าวว่า "ความปลอดภัยและความมั่นคงของเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่มากขึ้น"
ขณะที่ตัวแทนของเลบานอนกล่าวว่า ความพยายามของอิสราเอลในการรุกรานเลบานอนนั้นละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและมติ 1701 พร้อมเรียกร้องให้ UNSC ประณามการกระทำดังกล่าวและออกมติเพื่อยุติการกระทำดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลจะยังดำเนินปฏิบัติการต่อไปเพื่อลดทอนขีดความสามารถของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และทำลาย "เครือข่ายก่อการร้าย" ในเลบานอนตอนใต้