อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเขตชานเมืองทางตอนใต้ของกรุงเบรุตในช่วงเช้าตรู่วันนี้ (16 ต.ค.) โดยการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่สหรัฐอเมริกาแสดงท่าทีคัดค้านที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงในกรุงเบรุตก่อนหน้านี้ ขณะที่มีความกังวลว่าความขัดแย้งอาจลุกลามบานปลายไปถึงอิหร่าน
แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ว่า "เมื่อพิจารณาถึงขอบเขตและลักษณะของการโจมตีด้วยระเบิดในกรุงเบรุตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้แจ้งต่อรัฐบาลอิสราเอลอย่างชัดเจนว่า เรามีความกังวลและคัดค้านการกระทำดังกล่าว" ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีท่าทีที่แข็งกร้าวมากกว่าที่เคย
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. กรุงเบรุตถูกโจมตีใกล้กับใจกลางเมือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย โดยอาคารหลายแห่งในย่านที่มีประชากรหนาแน่นได้ถล่มลงมา ในครั้งนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของเลบานอนรายงานว่า วาฟิก ซาฟา นักรบฮิซบอลเลาะห์ คือเป้าหมายของการโจมตี แต่เขารอดชีวิตมาได้ ส่วนทางด้านอิสราเอลไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว
สำหรับการโจมตีครั้งล่าสุดนี้ พยานของสำนักข่าวรอยเตอร์ได้ยินเสียงระเบิดและเห็นกลุ่มควันพวยพุ่ง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพอิสราเอลประกาศให้ประชาชนอพยพออกจากอาคารแห่งหนึ่งในบริเวณดังกล่าว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) รายงานว่า คำสั่งอพยพของกองทัพอิสราเอลส่งผลกระทบต่อพื้นที่กว่า 25% ของประเทศเลบานอน นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการในเลบานอนตอนใต้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
ทั้งนี้ ชาติตะวันตกบางประเทศเรียกร้องให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน รวมถึงในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนอิสราเอลต่อไป ด้วยการส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธและกองกำลังไปช่วยเหลืออิสราเอล