แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า "ถึงเวลาแล้ว" ที่ความขัดแย้งในฉนวนกาซาจะต้องยุติลง ชี้อิสราเอลจำเป็นต้องแสวงหา "ความสำเร็จที่ยั่งยืน" หลังจากได้รับชัยชนะเชิงยุทธวิธีเหนือกลุ่มฮามาส พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลหลีกเลี่ยงการยกระดับความรุนแรงกับอิหร่าน
รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวแสดงความเห็นดังกล่าวในวันพุธ (23 ต.ค.) ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากอิสราเอลไปยังซาอุดีอาระเบีย โดยการเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 ของบลิงเคนนับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุขึ้น และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
รายงานข่าวระบุว่า เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในกรุงเทลอาวีฟ ไม่นานก่อนที่บลิงเคนจะออกเดินทาง ขณะที่อิสราเอลสกัดกั้นขีปนาวุธ 2 ลูกที่ยิงมาจากเลบานอน และสามารถมองเห็นกลุ่มควันลอยพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าจากโรงแรมที่บลิงเคนพักอยู่
อิสราเอลกำลังต่อสู้กับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน พร้อมทั้งประกาศว่าจะตอบโต้อิหร่านที่โจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
ทั้งนี้ สงครามในฉนวนกาซาเปิดฉากขึ้นหลังจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลของเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,206 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่การตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิต 42,718 รายในฉนวนกาซา ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน ตามตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาส
"ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว อิสราเอลบรรลุวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเป็นเรื่องของฉนวนกาซา ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเปลี่ยนความสำเร็จเหล่านั้นให้กลายเป็นความสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์ที่ยั่งยืน" บลิงเคนกล่าวก่อนขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปซาอุฯ หลังเสร็จสิ้นการประชุมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ของอิสราเอล
นอกจากนี้ บลิงเคนยังได้กล่าวถึงประเด็นที่อิสราเอลประกาศกร้าวว่าจะตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ว่า "เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกันที่อิสราเอลจะต้องตอบสนองด้วยวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น"