อีลอน มัสก์ ออกมาประกาศว่าเขาสามารถตัดงบประมาณรัฐบาลกลางได้อย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเผยวิสัยทัศน์ในการลดค่าใช้จ่ายภาครัฐครั้งใหญ่ หากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บนเวทีปราศรัยของทรัมป์ที่สนามกีฬาเมดิสัน สแควร์ การ์เดน ในนิวยอร์กเมื่อวันอาทิตย์ (27 ต.ค.) มัสก์กล่าวว่า "เงินของพวกคุณกำลังถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า เราจะทำให้รัฐบาลเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตและหยุดล้วงกระเป๋าพวกคุณเสียที"
ฮาเวิร์ด ลัตนิก จากบริษัทแคนเตอร์ ฟิตซ์เจอรัลด์ (Cantor Fitzgerald LP) ได้ถามมัสก์บนเวทีว่า ภายใต้รัฐบาลปธน.โจ ไบเดน และรองปธน.คามาลา แฮร์ริส คู่แข่งของทรัมป์ เขาจะสามารถตัดงบประมาณได้เท่าไร มัสก์ตอบว่า "เอ่อ ผมคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะได้สัก 2 ล้านล้านดอลลาร์ล่ะครับ"
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาจะขอให้มัสก์ ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้แก่แคมเปญหาเสียงของทรัมป์ มาเป็นผู้นำในโครงการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล โดยตั้งชื่อเล่นว่า "กรมประสิทธิภาพรัฐบาล" หรือ DOGE ซึ่งพ้องกับชื่อสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่มัสก์ให้การสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์มองว่าตำแหน่งนี้อาจทำให้มัสก์มีผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากบริษัทที่เขาบริหารอยู่ ทั้งเทสลา (Tesla) และสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) มีสัญญากับรัฐบาลกลางมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และยังได้ประโยชน์จากเงินสนับสนุนของรัฐในหลายรูปแบบอยู่แล้ว ทั้งในส่วนของเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้าและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ข้อมูลจากเอกสารของรัฐบาลกลางระบุว่า มัสก์ได้ใช้เงินอย่างน้อย 132 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งของทรัมป์และผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันคนอื่น ๆ ในปี 2567 ด้วยเงินบริจาคระดับนี้ทำให้มัสก์กลายเป็นหนึ่งในผู้บริจาคทางการเมืองระดับแนวหน้า และเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในการเลือกตั้งปี 2567
อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้เพิ่มข้อเสนอเรื่องภาษีเข้าไปในลิสต์ยาวเหยียดของเขาอีกหนึ่งรายการ นั่นคือ เครดิตภาษีสำหรับผู้ที่ต้องดูแลสมาชิกในครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันรายนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดหรือชี้แจงว่าจะหาเงินมาใช้จ่ายสำหรับนโยบายนี้อย่างไร
ทั้งนี้ ข้อเสนอด้านภาษีของทรัมป์ก่อนหน้านี้ก็ครอบคลุมไปถึงครอบครัวชาวอเมริกันเกือบทุกกลุ่มอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่รับทิป ลูกจ้างรายชั่วโมง ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่กลุ่มผู้มีรายได้สูงที่อาศัยอยู่ในรัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครต ซึ่งทรัมป์เคยยกเลิกการลดหย่อนภาษีของคนกลุ่มนี้ไปในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งปธน.
ทรัมป์กล่าวถึงผู้ดูแลสมาชิกในครอบครัว ท่ามกลางผู้ชมที่แน่นขนัดในสนามกีฬาเมดิสัน สแควร์ การ์เดน ความจุ 20,000 คน ว่า "พวกเขาสร้างคุณูปการมากมายให้กับประเทศของเรา แต่กลับไม่เคยมีใครพูดถึงเลย ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะได้รับการกล่าวถึง"
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศว่าจะดำเนินการยกเลิกกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างจริงจัง ต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีที่กำลังจะหมดอายุ ลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% และเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีและสิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ ทรัมป์ระบุว่าจะหารายได้ใหม่จากการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศ ทั้งประเทศพันธมิตรและประเทศคู่แข่งของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ได้ออกมาเตือนว่า การเก็บภาษีนำเข้าจะไม่สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายจากนโยบายลดภาษีของทรัมป์ได้ และอาจทำให้ต้นทุนค่าครองชีพของครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย